ไทยก้าวสู่ฝัน Fun Economy
จุดเริ่มต้นจากวันที่ 9 เม.ย. 67 คณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
จุดเริ่มต้นจากวันที่ 9 เม.ย. 67 คณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ถัดจากนั้นวันที่ 4 มิ.ย. 67 ครม.มีมติเห็นชอบและมอบหมายให้กระทรวงการคลัง เร่งรัดการพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมเกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรให้แล้วเสร็จ พร้อมกับแนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนโดยเร็ว
ล่าสุดกระทรวงการคลัง ได้ยกร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เสร็จสิ้นและอยู่ระหว่างการเปิดทำประชาพิจารณ์ช่วงวันที่ 2-18 ส.ค. 67
สาระสำคัญร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิง พ.ศ…. ตามคำนิยาม “สถานบันเทิงครบวงจร” คือ 1)ห้างสรรพสินค้า 2)โรงแรม 3)ร้านอาหาร, ไนต์คลับ, ดิสโก้เธค, ผับหรือบาร์ 4)สนามกีฬา 5)ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ 6)สถานที่เล่นเกม 7)สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 8)สวนสนุก 9)พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP และ 10)กิจกรรมอื่น ๆ (ตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด)
ส่วน “กาสิโน” หมายความว่าการจัดให้มีการเข้าเล่นหรือการเข้าพนันในสถานที่กำหนดเป็นการเฉพาะ..
โดยผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ มีอายุ 30 ปี (สามารถต่ออายุคราวละไม่เกิน 10 ปี) และอัตราค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ประกอบด้วย 1)การขอใบอนุญาต ครั้งละ 100,000 บาท 2)ใบอนุญาตครั้งแรก (ฉบับละ 5,000 ล้านบาท) รายปี (ปีละ 1,000 ล้านบาท)
3)ใบอนุญาตต่ออายุ (ฉบับละ 5,000 ล้านบาท) รายปี (ปีละ 1,000 ล้านบาท) 4)ใบแทนใบอนุญาต (ฉบับละ 100,000 บาท) และ 5)ค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย ครั้งละ 5,000 บาท
หมุดหมายของ Entertainment Complex นั่นคือ Fun Economy หรือ มูลค่าทางเศรษฐกิจจากสถานบันเทิงครบวงจร ที่ตอบโจทย์เทรนด์ธุรกิจการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเชื่อมต่อได้ทั้งอุตสาหกรรมกีฬา สถานบันเทิง ธุรกิจการจัดประชุมและจัดนิทรรศการ (MICE) และสันทนาการอื่น ๆ
หนึ่งในนั้นคือ “ธุรกิจกาสิโนและการพนันถูกกฎหมาย” ด้วยเช่นกัน..!!
ที่ผ่านมากลุ่มยักษ์ใหญ่ด้าน Entertainment Complex ของโลก เริ่มเบนเข็มทิศโฟกัสมายังประเทศไทยมากขึ้น เริ่มจาก Las Vegas Sands (LVS) แสดงตัวชัดเจนว่า สนใจลงทุนกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย ภายใต้โครงการสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex โดยนักวิเคราะห์มีการคาดการณ์กันว่าไทย จะเปิดให้บริการได้ช่วงปี 2029 ก่อนหน้าที่ประเทศญี่ปุ่นจะเปิด MGM Osaka ช่วงปี 2030
เช่นเดียวกับ MGM Resorts International และ Galaxy Entertainment Group อยู่ระหว่างกำลังศึกษาศักยภาพของการเปิดกาสิโนในประเทศไทย ส่วน Genting Singapore เป็นอีกรายที่มีโอกาสร่วมลงทุนด้วยเช่นกัน..
ข้อมูลจาก Statista พบว่าปี 2022 มูลค่าสถานบันเทิงครบวงจรทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมประเมินว่า มูลค่าจะเติบโตไปอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านเหรีญสหรัฐ ภายในปี 2028
สำหรับประเทศที่มีได้รายได้เข้าประเทศสูงสุดจาก Fun Economy คือ 1)มาเก๊า 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 2)สหรัฐฯ (ลาสเวกัส) 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 3)สิงคโปร์ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 4)เกาหลีใต้ 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 5)ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 6)เวียดนาม 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 7)อินโดนีเซีย 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เป็นที่น่าจับตา ประเทศไทยกับหมุดหมายรายได้จากกลุ่มอุตสาหกรรม Fun Economy จะฝ่าด่านม่านศีลธรรมได้มากน้อยเพียงใด..!?
แต่เอาเถอะ..อย่างน้อยมาถึงวันนี้..ถือว่าเราได้เริ่มนับหนึ่งกันไปแล้ว
เล็กเซียวหงส์