EA หุ้นกู้เหลื่อมล้ำ.!?

จากกรณีที่ ASSET PLUS ซึ่งเป็นบริษัทจัดการที่ได้ไปลงทุนในตั๋วแลกเงิน หรือตั๋ว B/E ของ EA ได้มีการแปลงหนี้ตั๋ว B/E เป็นสัญญาให้สินเชื่อ


จากกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจัดการที่ได้ไปลงทุนในตั๋วแลกเงิน หรือตั๋ว B/E ของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA จำนวน 4 รุ่น คิดเป็นมูลค่า 1,160 ล้านบาท ได้มีการแปลงหนี้ตั๋ว B/E เป็นสัญญาให้สินเชื่อ (Credit Facility) เนื่องจากพินิจพิเคราะห์แล้วว่า EA คงไม่มีปัญญา…อุ๊ย ไม่มีความสามารถที่จะจ่ายหนี้ตั๋ว B/E ให้กับกองทุนได้ตามกำหนดแหง ๆ…

เลยเป็นที่มาของการยึดรายได้จากสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าภาครัฐ (PPA) มาชำระหนี้ให้กับกองทุนก่อน พร้อมกับยืดหนี้ออกไป 3 ปี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ผู้ถือหน่วยลงทุน..!!

เรื่องนี้ถูกตั้งคำถามกันเยอะว่า 1)ทำได้หรือเปล่า..?? และ 2)ถ้าทำได้…จะเป็นการสร้างความไม่เป็นธรรมกับเจ้าหนี้รายอื่นหรือไม่..??

โอเค…ถือเป็นเรื่องของการบริหารความเสี่ยงของกองทุน…ก็ไม่ว่ากัน แต่การบริหารความเสี่ยงของเจ้าหนี้รายอื่นล่ะ..?? ใครจะรับผิดชอบ

ล่าสุดก็มีเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ EA กลุ่มหนึ่งได้ยื่นหนังสือต่อธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้ทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ว่าถูกต้องตามข้อกำหนดต่าง ๆ และได้กระทำการเพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่นอย่างเต็มที่หรือไม่..??

โดยเฉพาะ SCB ที่สวมหมวกหลายใบ ทั้งในฐานะเจ้าหนี้ของ EA, ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ EA, ผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ EA และนายทะเบียนหุ้นกู้ EA ถือว่าเป็น Conflict of Interest หรือไม่ SCB สามารถชี้แจงได้อย่างโปร่งใสหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดผู้ถือหุ้นกู้จึงไม่ได้สิทธิในหลักประกันหนี้ในลำดับที่เท่าเทียมกับเจ้าหนี้ธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ และได้เจรจาต่อรองอย่างเต็มที่แล้วหรือไม่

พร้อมเรียกร้องให้ 1)SCB/KKP/EA เลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น EA249A ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ออกไปก่อน

2)ขอให้ SCB/KKP/EA จัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่นพร้อมกันก่อนที่จะกระทำการใด ๆ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่นได้ทราบรายละเอียดเงื่อนไขข้อเสนอ และสามารถตัดสินใจเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเองอย่างเป็นธรรม โดยใช้ระบบไฮบริด คือมีทั้ง online และ onsite ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2567

3)ขอให้ SCB/KKP/EA แก้ไขวาระการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ให้เหมาะสมในการประชุมครั้งหน้า เช่น แยกการพิจารณาลงมติข้อเสนอการยืดหนี้ และข้อเสนอการเพิ่มหลักประกันให้อยู่ต่างวาระกัน เพื่อให้การใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นกู้เป็นไปอย่างเหมาะสม

4)ขอให้ EA แก้ไขข้อตกลงที่มีกับ Asset Plus/ธนาคาร และสถาบันการเงิน โดยให้ผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่นเป็นเจ้าหนี้ในลำดับเดียวกัน คือลำดับที่ 1 กระแสเงินสดจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่ขายให้รัฐบาล ต้องนำเฉลี่ยแบ่งจ่ายให้เจ้าหนี้หุ้นกู้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับเจ้าหนี้รายอื่น

5)เนื่องจากมียอดหนี้หุ้นกู้คงค้างทุกรุ่นเป็นจำนวนมากกว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงขอให้ทาง EA นำหลักประกันมาเพิ่มให้เฉพาะเจ้าหนี้หุ้นกู้ โดยต้องเป็นหลักประกันลำดับที่ 1 ที่ไม่ติดเจ้าหนี้รายอื่น

6)สำหรับหุ้นกู้รุ่นที่ขอยืดระยะเวลาไถ่ถอน ขอให้ EA ทำการทยอยชำระคืนเงินต้นและพิจารณาเสนออัตราดอกเบี้ยใหม่ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดสิทธิและเหมาะสมกับความเสี่ยงของหุ้นกู้ตาม credit rating ที่ถูกปรับลดจาก A- เป็น BB+ โดยเงื่อนไขข้อเสนอจะต้องไม่ด้อยกว่าเจ้าหนี้รายอื่นที่อยู่ในลำดับชั้นเดียวกัน

7)ขอให้ SCB/KKP แสดงเอกสารการเจรจายืดระยะเวลาชำระหนี้หุ้นกู้หรือปรับโครงสร้างหนี้หุ้นกู้กับ EA ร่วมกับเจ้าหนี้รายอื่น และอนุญาตให้ผู้ถือหุ้นกู้คัดถ่ายสำเนา

ก็เป็นอีกเสียงสะท้อนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ EA ที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม…เลยต้องออกมาปกป้องสิทธิของตัวเอง

ส่วนเสียงนี้จะมีพลังแค่ไหน..?? ก็ไม่รู้สินะ

แต่เรื่องนี้ตอกย้ำว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย มันก็คือความเสี่ยงนะออเจ้า…

…อิ อิ อิ…

Back to top button