พาราสาวะถี

วันนี้ (9 สิงหาคม) จะได้รู้กันพรรคการเมืองใหม่ที่ สส.ก้าวไกลจะไปสังกัดนั้นคือพรรคอะไร โดยจะมีการเปิดตัวกันที่อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์


วันนี้ (9 สิงหาคม) จะได้รู้กันพรรคการเมืองใหม่ที่ สส.ก้าวไกลจะไปสังกัดนั้นคือพรรคอะไร โดยจะมีการเปิดตัวกันที่อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรี จากนั้นรุ่งขึ้นจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคที่อาคารสเตเดี้ยมวัน ความสนใจของคนทั่วไปไม่ได้อยู่ที่ว่าพรรคใหม่จะชื่ออะไร และใครจะมาเป็นแกนนำรุ่นที่ 3 คำถามตัวโตคือ จากจำนวน สส.ที่เหลืออยู่ 143 คนนั้น จะตามไปอยู่บ้านหลังใหม่ทั้งหมด หรือตีจาก แปรพักตร์ไปสังกัดฝ่ายรัฐบาลกี่คน

ตามข่าวที่ปรากฎเรื่องการเจรจา ยื่นหมูยื่นแมวกับบรรดา สส.ของอดีตพรรคสีส้ม ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง แต่รายงานล่าสุด สส.ทั้งหมดได้กรอกใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ที่จะไปสังกัดครบร้อยเปอร์เซ็นต์ คงต้องรอดูจนถึงวินาทีเปิดตัวเพื่อเป็นการการันตีว่าไม่มีใครแตกแถว ส่วนที่คาดหมายกันว่าถ้ามีงูเห่าเกิดขึ้น สองพรรคร่วมรัฐบาลจะมีคนของอดีตพรรคก้าวไกลไปร่วมมากที่สุดคือ พลังประชารัฐกับภูมิใจไทย อยู่ที่ว่าข้อเสนอของพรรคไหนสร้างแรงดึงดูดมากกว่ากัน 

สำหรับผู้นำพรรคใหม่ในรุ่นที่ 3 นั้น คงไม่มีอะไรพลิกโผ ศิริกัญญา ตันสกุล คงจะถูกดันให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค โดยมี ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยคนรุ่นใหม่ที่จะเรียกคะแนนนิยมจากฐานเสียงสนับสนุนได้ไม่ว่าจะเป็น รังสิมันต์ โรม, พริษฐ์ วัชรสินธุ รวมไปถึง วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ทั้งนี้ เวทีที่จะใช้เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อพิสูจน์ศรัทธา และความนิยมของประชาชนที่มีต่อพรรคใหม่คือ การเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 1 พิษณุโลก และนายก อบจ.ราชบุรี

ทั้งสองที่จะเป็นตัวชี้วัดก้าวย่างทางการเมืองของพรรคใหม่ เพราะเป้าหมายหลังจากนี้คือการมองไปที่การเลือกตั้งครั้งหน้า ในปี 2570 เหมือนอย่างที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าประกาศในการร่วมแถลงข่าวกับอดีตแกนนำพรรคก้าวไกลหลังยุบพรรคว่า “เส้นขอบฟ้าทางการเมืองของเราคือการเลือกตั้ง 2570 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 3 หลังจากการตั้งพรรคอนาคตใหม่ 2570 คือปีที่เราต้องชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย เราจะทำให้ทศวรรษ 2570 จะเป็นทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลง นั่นคือที่ที่เราจะไป”

เข้าใจได้ในแง่ของอารมณ์ ความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ ที่ต้องการจะใช้พลังเสียงของประชาชนมาเป็นเกราะป้องกันบนเส้นทางสายการเมือง คงไม่ต่างจากการที่ไทยรักไทย และพลังประชาชนถูกยุบ ที่ทั้งสองครั้งพรรคของ ทักษิณ ชินวัตร สามารถกลับมาเป็นแกนนำในการบริหารประเทศได้ แต่สำหรับพรรคใหม่ซึ่งคงใช้สัญลักษณ์สีส้มต่อไปนั้น หากยังชักธงรบแบบสุดโต่ง วางหมุดหมายที่จะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน โอกาสที่จะก้าวไปถึงฝั่งฝันนั้นคงยากเต็มทน

เอาง่าย ๆ แม้จะชนะเลือกตั้งและได้เสียง สส. เกิน 250 ที่นั่ง ก็ยังไม่มีใครกล้าการันตีว่า พรรคที่มีแนวทางสุดโต่งจะได้รับโอกาสให้ทำงานฝ่ายบริหารหรือไม่ อาจฟังดูเหมือนว่าแล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร คำตอบง่าย ๆ ก็คือ หากใช้กลไกขององค์กรอิสระอย่าง กกต.สอยผู้ที่ได้รับเลือกในจำนวนที่ไม่สามารถเป็นแกนนำหรือจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ เท่านี้ก็ทำอะไรได้ยากแล้ว อย่าคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ บนความมั่นใจโดยเฉพาะกับคนของพรรคการเมืองนี้ มีสิทธิ์ที่จะพลาดพลั้งได้ตลอดเวลา

กรณีของการถูกกล่าวหาเรื่องแก้ไขมาตรา 112 จนนำไปสู่การถูกเล่นงานด้วยข้อหามีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ชัดเจนว่าเป็นการตัดสินใจเดินหน้า ถึงขั้นนำเสนอเป็นนโยบายบนความมั่นใจว่าทำทุกอย่างถูกต้อง แม้จะมากลับลำภายหลังก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว เพราะคำปราศรัย และการตอบคำถามบนเวทีหาเสียงเป็นหลักฐานมัดตัวอย่างดี

อย่างที่บอกไปว่า ผลพวงจากการถูกยุบพรรคอันมาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีผลผูกพันต่อทุกองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ย่อมจะส่งผลต่อการพิจารณาคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้น ป.ป.ช.ว่า 44 สส.พรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงลายมือชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 เมื่อ 25 มีนาคม 2564 ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ด้วย

หากคดีนี้มีบทสรุปที่คนซึ่งถูกร้องทั้งหมดผิดจริง จะทำให้ผู้ที่ยังมีตำแหน่ง สส.ปัจจุบัน 30 คนต้องม้วนเสื่อกลับบ้านตามไปด้วย ซึ่งย่อมจะกระทบต่อการวางตัวผู้สมัครของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ พิจารณาจากปัจจัยทั้งหลายแล้ว โอกาสที่จะชนะเลือกตั้งสำหรับพรรคสีส้มโฉมใหม่ยังคงมีอยู่ แต่คงจะไม่แลนด์สไลด์ ถล่มทลาย ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลือกที่จะเหลือน้อยลง ยังต้องรอดูผลงานของรัฐบาลหลังจากนี้ด้วยว่าจะเข้าตา และเป็นที่พอใจของประชาชนมากขนาดไหน

ย้ำแล้วย้ำอีก การเลือกตั้งภายใต้สถานการณ์ที่ประชาชนเบื่อหน่ายจากความไม่เอาไหนของการบริหารงานโดยผู้นำและขบวนการเผด็จการสืบทอดอำนาจ กับหย่อนบัตรภายใต้รัฐบาลรักษาการที่มาจากการเลือกตั้งและมีผลงาน ความรู้สึกและการตัดสินใจของประชาชนจะต่างกันลิบลับ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกุมอำนาจก็ต้องไปรอลุ้นผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันพุธหน้า (14 สิงหาคม) ในคดีของ เศรษฐา ทวีสิน จะหมู่หรือจ่า ถ้าเป็นไปตามหน้าเสื่อที่ชี้ไปในทิศทางว่ารอด ก็ต้องไปตามดูกันต่อว่า เศรษฐาจะสามารถนำพารัฐนาวาสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรม จนประชาชนให้การยอมรับได้หรือไม่ 

ปัจจัยด้านลบที่รัฐบาลเผชิญนับตั้งแต่ตั้งรัฐบาลพลิกขั้ว ดูเหมือนว่ากำลังจะถูกขจัดปัดเป่าไป เห็นได้จากดิจิทัลวอลเล็ตที่ยักแย่ยักยันมานาน นาทีนี้ดูท่าว่าจะเดินหน้าได้สะดวกโยธิน ถ้าเศรษฐารอด แล้วขับเคลื่อนงานอย่างขยันขันแข็ง มีวุฒิสภาที่พร้อมจะอนุมัติกฎหมายทุกฉบับที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานของรัฐบาล ยิ่งเดินไปถึงขั้นแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ โอกาสที่เพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่ พร้อมจูงมือพรรคร่วมรัฐบาลให้เดินไปด้วยกันอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ย่อมมีความเป็นไปได้เช่นกัน

อรชุน

Back to top button