ฝรั่งดันแล้วสวบ

ก่อนจะเม้าท์ถึงท่าทีของฝรั่งดองชอบสับขาหลอก “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงบทความตลอดสัปดาห์นี้สักหน่อย เพราะดูเหมือนจะจี้ใจดำของกลุ่มคนบางคน


ก่อนจะเม้าท์ถึงท่าทีของฝรั่งดองชอบสับขาหลอก “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงบทความตลอดสัปดาห์นี้สักหน่อย เพราะดูเหมือนจะจี้ใจดำของกลุ่มคนบางคน จนเกิดอาการ “ก้นร้อน หัวร้อน” กันยกใหญ่นั้น ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะเป็นเรื่องที่สังคมเขาตำหนิติเตียนกันยกใหญ่ เดี๊ยนจึงต้องนำประเด็นดังกล่าวมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยหาทางแก้ไขปัญหาให้ออกมาแบบ “วิน-วิน” กับทุกฝ่ายไงล่ะคะ

โดยเฉพาะปฏิญาณเขาใหญ่ที่มีพวกเหลิงอำนาจเสนอหน้ากันสลอน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นปลาหมอคางเหลี่ยมตายเพราะปาก จนก๊วนดังกล่าวโดนคนในโลกออนไลน์ตราหน้าเรื่องผลประโยชน์แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของ “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง” และเป็นเรื่องที่ต้องไปชี้แจงสังคมกันเอง หลังเม้าท์กันให้แซ่ดว่า วันดังกล่าวมีคลิปเสียงบางอย่างหลุดออกมา และทำให้วงสวิงดังกล่าว “หนาว ๆ ร้อน ๆ” กันเป็นแถบ..อิอิอิ

ส่วนเรื่องของตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป “โมนิก้า” ก็ยังเชื่อในหลักคิดลงทุนของคุณปู่ผู้มากประสบการณ์อย่าง “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ซึ่งชิงขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก และหันไปถือเงินสดจำนวนมหาศาลแบบนี้ เดี๊ยนย่อมรู้สึกไม่สบายใจอย่างแรง เพราะรู้ได้ทันทีว่า ฝรั่งดองเตรียมจะขายหุ้นออกมาอีกแน่ ๆ แต่ในระหว่างนี้จะต้องดันหุ้นขึ้นไปเพื่อได้ออกของในราคาที่สูง (วันซื้อไป 1.66 พันล้าน วานนี้ขาย 498 ล้าน) ซึ่งเรื่องนี้เรา ๆ ท่าน ๆ เห็นกันมาแล้วหลายครั้งนะจะบอกให้

งานนี้ใครจะ “โดนสวบ” หรือ “ไม่โดนสวบ” ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคล เพราะการที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดระดับ 1,296.25 จุด บวกไป 5.70 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.62 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นว่า ยังมีนักลงทุนที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ และเป็นขาลุยตัวจริงในตลาดหุ้นไทย จึงพร้อมเผชิญกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เดี๊ยนจึงไม่ต้องอธิบายอะไรให้ฟังมากความนะออเจ้า

ประเด็นดังกล่าวถูกย้ำด้วยสถานการณ์ของหุ้น BH ซึ่งในวันก่อนพุ่งขึ้นรับกำไรโตอย่างร้อนแรง พร้อมกับตัวเลขสรุปตลาดประจำวันว่า ฝรั่งซื้อหุ้นไทยไปทั้งสิ้น 1.66 พันล้านบาท แต่วานนี้ราคาหุ้นดันอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 248 บาท ลบไป 8 บาท หรือลงไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.97 พันล้านบาท พร้อมกับอธิบายเหตุผล sell on fact แบบนี้..เดี๊ยนบอกตรง ๆ ว่า ถ้าฝั่งไม่เล่น ก็ขึ้นยากจ้า!

คล้ายกับสถานการณ์ของแบงก์สีเขียว KBANK ซึ่งอ่อนตัวต่อเนื่องในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา คงเป็นผลมาจากนักลงทุนสถาบันปรับพอร์ต และแกนหลักที่เห็นเล่นกันบ่อย ๆ ก็มาจากแรงซื้อของกองทุน “โมนิก้า” เลยมองว่า ราคาหุ้นจะลงมาที่ฐานเก่าบริเวณ 124 บาทอีกครั้ง เพราะโมเมนตัมก่อนหน้านี้ก็เล่นกันในกรอบ 124-135 บาท ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 128.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 1.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.19 พันล้านบาท

ส่วนหุ้นโรงแรมที่โดนจัดหนักไม่แพ้กัน “โมนิก้า” ขอชายตามองไปที่หุ้น CENTEL หลังราคาหุ้นร่วงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน จากราคาหุ้นที่เคยยืนอยู่ในระดับ 41 บาท แต่ตอนนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 35 ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 150 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 2 ปี 5 เดือนแบบนี้ เดี๊ยนเลยอยากถามว่า สถานการณ์ตอนนี้มันแย่เหมือนตอนเกิดโควิดใหม่ ๆ หรือไง? ถ้าไม่ใช่..ต้องมีซัมติงบางอย่างแน่ ๆ ค่ะ

เม้าท์ถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาปุ๊บ ก็ต้องเอ่ยถึงหุ้น THCOM ขึ้นมาปั๊บเช่นกัน เพราะอาการขาแข้งอ่อนในคราวนี้ น่าจะเกิดจากไม่มีรายการพิเศษเข้าช่วยเติมกำไร จึงมีแรงขายลดความเสี่ยงออกมาเป็นระลอก แต่ในขณะเดียวกันก็มีแรงช้อนหุ้นเข้ามาเป็นระยะเช่นกัน หุ้นเลยประคองตัวปิดที่ระดับ 12.10 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 213 ล้านบาทได้อย่างเสียวไส้ เพราะคนเล่นกำลังกังวลว่า ไตรมาส 3 จะเป็นอย่างไรเจ้าค่ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” จำเป็นต้องเอ่ยถึงหุ้นความงามอย่าง TRP ขึ้นมาทันที เพราะอาการไหลลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี (ตอนนั้น 18 บาท) จนวานนี้โดนกระหน่ำขายอย่างหนัก พร้อมกับยืนปิดไปที่ระดับ 8.50 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 11.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41 ล้านบาท ล้วนเกิดจากกำไรลดฮวบในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนคนเล่นหุ้นว่า ผู้คนเริ่มไม่มีเงินทำสวย โดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจแบบนี้..อะไรเซฟได้ ก็เซฟกันไปก่อนกระมัง!

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button