พาราสาวะถี
อีเวนต์ทางการเมืองผ่านไป ทั้งการเปิดตัวพรรคใหม่พร้อมกิจกรรมรับสมัครสมาชิกในนาม “พรรคประชาชน” พรรคสีส้มในร่างที่ 3
อีเวนต์ทางการเมืองผ่านไป ทั้งการเปิดตัวพรรคใหม่พร้อมกิจกรรมรับสมัครสมาชิกในนาม “พรรคประชาชน” พรรคสีส้มในร่างที่ 3 หลังจากอนาคตใหม่ ก้าวไกล ถูกยุบ การแห่แหนยื่นใบสมัครหรือยอดเงินบริจาคที่ทะลุ 20 ล้านบาทภายใน 3 วัน หากมีเลือกตั้งวันนี้อาจบอกได้ว่าพรรคใหม่ที่นำโดย “เสี่ยเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ คงจะกวาดที่นั่งส.ส.ตามเป้า 380 เสียงตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จ แต่เวลาสำหรับการเลือกตั้ง สส.ทอดยาวออกไปอีก 3 ปีข้างหน้า ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เอาแค่เฉพาะหน้ากับ 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกลที่ถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบปมกระทำความผิดจริยธรรมร้ายแรง ก็น่าจะสั่นคลอนต่อเสถียรภาพของพรรคแกนนำฝ่ายค้านในอนาคต และที่กำลังระดมสรรพกำลังทั้งอดีตกรรมการบริหารพรรคที่เพิ่งถูกตัดสิทธิ์และแกนนำพรรคใหม่ไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ราชบุรี ต้องรอลุ้นผลที่จะออกมา หากคะแนนเสียงชนะถล่มทลาย ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่มองเห็นอนาคตอันสดใสได้ ถ้าไม่เป็นไปตามหวัง ต้องบอกว่าเส้นทางการเมืองหลังจากนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด
เช่นเดียวกับการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 1 พิษณุโลก แทน “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา ซึ่งมีการวางตัว ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ ที่ไปฝังตัวเป็นสมาชิกพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลนานแล้ว เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องการสังกัดพรรคตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดในวันสมัครรับเลือกตั้ง ก่อนจะแปลงร่างมาเป็นพรรคประชาชน จะเป็นอีกตัวชี้วัดว่าคะแนนนิยมในอดีตพรรคก้าวไกล ถูกถ่ายทอดมาถึงพรรคใหม่หรือไม่ หากชนะไม่ขาดหรือพ่ายแพ้ นั่นก็จะเป็นอีกหนึ่งโจทย์การเมืองที่บรรดาแกนนำทั้งเบื้องหน้า และที่หลบอยู่หลังฉากต้องคิดหนัก
เป็นธรรมดาของพรรคที่ถนัดการใช้โซเชียลมีเดีย ปั่นกระแส เร้าการมีส่วนร่วมของประชาชนทั้งคนรุ่นใหม่ และคนทั่วไปที่เบื่อหน่ายการเมืองแบบเก่า แต่ก็มีอีกส่วนที่หันมาสนับสนุนเพราะผิดหวังจากเรื่องที่กลุ่มก้อนของตัวเองอยากจะให้เป็นแต่เป็นไปไม่ได้ จึงหันมาเชียร์พรรคสีส้มชนิดไม่ใช่เพราะอุดมการณ์ เพียงแค่หวังว่าพรรคนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ คนกลุ่มนี้ก็จะได้ความสะใจ แล้วค่อยไปวัดกันอีกทีว่า หลังจากนั้นสถานการณ์จะเป็นอย่างไร สุดท้ายคงกลับไปเชียร์พรรคที่ตัวเองสนับสนุนกันมา บางรายก็เรียกว่าค่อนชีวิตเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม การดำเนินกิจกรรมนับตั้งแต่อนาคตใหม่เรื่อยมาจนถึงพรรคประชาชน ต้องยอมรับกันว่า พวกขาประจำที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาจะคอยเตะตัดขาอยู่ตลอดเวลา เหมือนล่าสุดที่ วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เตรียมจะยื่น กกต.ให้มีการยุบพรรคประชาชน โดยอ้างว่า พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน จัดตั้งสาขาพรรคไม่ครบ 4 สาขา แต่ต้องหน้าแหก เพราะ แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ออกมายืนยันแล้วว่า พรรคได้ดำเนินการตามระเบียบถูกต้อง
โดยเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้พรรคถิ่นกาขาวฯ มีการประชุมจัดตั้งสาขาพรรคในส่วนที่ขาดอยู่จนครบ และระยะเวลาการจัดตั้งก็อยู่ภายใน 1 ปีที่กฎหมายกำหนด ขณะนี้จะส่งเรื่องมาให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบตามขั้นตอน ซึ่งตามปกติการประชุมจัดตั้งสาขาพรรค นายทะเบียนพรรคการเมืองอันหมายถึงเลขาธิการ กกต.จะส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์อยู่แล้ว เมื่อประชุมแล้วเสร็จกิจกรรมนั้นจะมีผลทางกฎหมายทันที แต่ขั้นตอนทางกฎหมายกำหนดว่า ต้องส่งนายทะเบียนพรรคการเมืองรับทราบ
ตามขั้นตอนนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็จะตรวจสอบก่อนว่าการจัดตั้งสาขาพรรคในเขตพื้นที่ถูกต้องหรือไม่ สมาชิกมาประชุมครบตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ถ้าการประชุมถูกต้อง ก็ไม่มีปัญหานายทะเบียนฯ ก็รับทราบ แต่ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ถูกต้อง จะมีผลให้การประชุมนั้นเสียไปต้องไปดำเนินการให้ถูกต้องใหม่ และตราบใดที่นายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่รับทราบก็จะยังไม่มีการลงในระบบฐานข้อมูลของสำนักงาน กกต. ทำให้ ณ ปัจจุบันข้อมูลนี้ยังไม่ปรากฏบนเว็บไซต์ของ กกต.
สรุปข่าวข้อมูลของวรงค์ไม่เป็นปัจจุบัน พูดง่าย ๆ ทำการบ้านไม่ครบถ้วน แค่ตรวจสอบจากเว็บไซต์ของ กกต.เท่านั้น ไม่มีข้อมูลเชิงลึก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าในฐานะอดีต สส.พิษณุโลกนั้น รู้หรือไม่ว่า พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล กำลังมีการดำเนินการจัดตั้งสาขาพรรคอีกหนึ่งแห่งที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งถ้ามีการประชุมจัดตั้งแล้วเสร็จ จะสามารถดำเนินการขั้นตอนเรื่องของการจัดส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างได้ทันที ไม่ใช่แค่คนตกยุคเท่านั้น ดูเหมือนว่าอดีต สส.รายนี้จะเป็นคนตกข่าว หรือจงใจที่จะไม่รับรู้ข้อมูลข่าวสารของฝ่ายที่ตัวเองจงเกลียดจงชังหรือไม่
เป็นอันว่าการหาพรรคใหม่สังกัดไร้ปัญหา สส.ของอดีตพรรคก้าวไกลไม่มีใครแตกแถว การวัดคะแนนนิยมก็จะใช้สองพื้นที่เลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นคือ นายก อบจ.ราชบุรี และเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 1 พิษณุโลก เป็นพื้นที่ทดสอบว่ากระแสของพรรคสีส้มยังแรงต่อเนื่องหรือไม่ อีกด้านก็ต้องลุ้นให้ สส.ที่ถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบอันเป็นผลพวงมาจากการเสนอแก้ไขมาตรา 112 นั้น จะรอดหรือมีชะตากรรมเช่นเดียวกับอดีตกรรมการบริหารพรรคทั้ง 6 รายที่ต้องพ้นสภาพความเป็น สส.และถูกเว้นวรรคทางการเมือง 10 ปี
หันกลับมาดูทางพรรคร่วมรัฐบาล เก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ที่เป็นผลจากการหลุดตำแหน่ง สส.ของหมออ๋องนั้น ชัดเจนว่าเป็นโควตาของพรรคภูมิใจไทย ค่อนข้างแน่นอนว่าชื่อที่จะส่งเข้าประกวดคงหนีไม่พ้น ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทองและรองหัวหน้าพรรคสีน้ำเงิน รอผลการประชุมวิปรัฐบาลในวันนี้ (13 สิงหาคม) จะเคาะกันแบบไหน เสนอชื่อแล้วโหวตกันในวันพรุ่งนี้เลยหรือไม่ ยืนยันมาจากเพื่อไทยคือ จะไม่มีการสลับรองคนที่ 1 กับคนที่ 2 ของ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน หากทำเช่นนั้นมันคือการเสียมารยาททางการเมือง
เก้าอี้รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ไม่มีปัญหา แต่ยังต้องรอลุ้นกันว่าพรุ่งนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีของ เศรษฐา ทวีสิน จากที่ถูก 40 สว.ร้องกรณีตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ออกมาอย่างไร มาถึงนาทีนี้ คนส่วนใหญ่มองไม่ต่างจากบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องที่ร้องไม่น่าจะมีน้ำหนักพอที่ทำให้เศรษฐาตกเก้าอี้ รอดูแค่ว่าคำชี้ขาดที่ออกมานั้นจะมีคำอธิบายอย่างไร และนี่ก็จะเป็นบรรทัดฐานสำคัญสำหรับปมปัญหาแบบนี้ในอนาคต
อรชุน