หุ้นร่วงหนัก

หากดูอาการแกว่งตัวไปมาของดัชนีตลอดทั้งวัน ควบคู่กับข่าวสารที่เกี่ยวกับชะตาของเสี่ยนิดจะได้นั่งนายกฯ ต่อไปหรือไม่?


หากดูอาการแกว่งตัวไปมาของดัชนีตลอดทั้งวัน ควบคู่กับข่าวสารที่เกี่ยวกับชะตาของเสี่ยนิดจะได้นั่งนายกฯ ต่อไปหรือไม่? ก็จะเห็นว่า นักลงทุนต่างสงวนท่าทีการเข้าลงทุนอย่างชัดเจน เพราะไม่อยากเอาตัวเข้าไปเสี่ยงในเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม จึงเหลือหุ้นเพียงไม่กี่ตัวที่วิ่งสวนตลาดหุ้น และเป็นตัวที่ช่วยประคองให้ตลาดหุ้นยืนปิดที่ระดับ 1,297.79 จุด บวกไป 0.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.05 หมื่นล้านบาท (ขนาดสถาบันซื้อกันทุกราย ดัชนีดันบวกแค่จึ๋งเดียว) ไงล่ะคะ

ที่น่าสนใจคือ หากเสี่ยนิดรอดจากคำพิพากษาดังกล่าว ก็ยังมีช็อตให้นักลงทุนได้เข้ามาตะลุมบอนอีกพักใหญ่ ๆ..หากไม่รอดขึ้นมาจริง ๆ น่าจะมีแรงขายออกมาอุตลุด เพราะสิ่งที่ทุกคนเป็นห่วงคือ งบประมาณ 68 จะยืดเยื้อออกไปอีกนานพอสมควร เพราะถ้าดูตามไทม์ไลน์จะเห็นว่า มีกรอบเวลาในการเลือกนายกฯ คนใหม่นานพอสมควร แถมยังต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ อีกแบบนี้..เดี๊ยนขนหัวลุกเลยเจ้าค่ะ

ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกเม้าท์ถึงความเสี่ยงก่อนเสมอ เพราะทำให้แฟนคลับประเมินผลกระทบที่จะตามมาได้อย่างชัดเจน  ซึ่งเหมือนกับการปัดฝุ่นกองทุนวายุภักษ์ที่ประโคมข่าวกันโครม ๆ เอาเข้าจริงก็ยังไม่มีรายละเอียดอะไรออกมามากนัก ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นไม่ได้ซึมซับรับข่าวดังกล่าวสักเท่าไหร่? เพราะในระหว่างที่รอขยายเพดานวงเงินเป็น 5 แสนล้าน จากเดิมกองทุนมีวงเงินที่ใช้ไปแล้ว 3 แสนล้านบาทนั้น..กระแสดังกล่าวดันไม่ปัง..มันคืออิหยังวะ

ประเด็นดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาให้ตลาดหุ้นซึมซับอีกระยะหนึ่งก็เป็นไปได้ แต่ไม่ใช่สำหรับหุ้นที่โดนถล่มจนยับเยินอย่างเช่น AWC ซึ่งราคาหุ้นเอาแต่มุดหัวลงดินลูกเดียว พร้อมกับทำนิวโลว์ให้เห็นเป็นระยะ “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างแน่นอน และการที่หุ้นลงมายืนปิด 3.02 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 5.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 752 ล้านบาท ย่อมน่ากลัว เพราะถ้าคิดจากราคาสูงสุดในปีนี้ แต่ตอนนี้ราคาหุ้นลดลง 33%..เจ๊งยับสิคะ

เช่นเดียวกับในรายของ PTTGC ก็ถูกรินขายหนักตลอดเวลา แต่วานนี้หุ้นสามารถบวกสวนขึ้นมาปิดที่ระดับ 23.70 บาท บวกไป 0.30บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 525 ล้านบาท ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับคนที่คิดจะเข้าไปตามน้ำ เพราะแรงขายไม่มีทีท่าจะเบาลงแต่อย่างใด ผนวกกับพวกนักลงทุนสถาบันมีความเชื่อไปในทางเดียวกันว่า ปีนี้ปิโตรเคมียังไม่ดี เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่ตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้นร่วงลงมาเกือบ 50% นะจะบอกให้

หุ้นอีกตัวที่เละเทะเกินจะบรรยาย “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นกระดาษลังอย่าง SCGP แบบไม่ลังเลใจ เพราะนักลงทุนสถาบันขายไม่หมดสักที จนราคาหุ้นอยู่ในทิศทางขาลงแบบบูรณาการ และเมื่อเจาะลงไปในรายละเอียดของงบการเงินจะเห็นว่า กำไรลด! ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนในการทำธุรกิจสูงขึ้น และภาพดังกล่าวก็เป็นตัวกัดกร่อนทำกำไรของบริษัทมากขึ้นเรื่อย ๆ วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 22.90 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 5.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 624 ล้านบาทนะจ๊ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้เดี๊ยนต้องเอ่ยถึงหุ้น GPSC เพื่อขยายความให้แฟนคลับได้เห็นถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงหนัก มันเกิดจากการบันทึกกำไรพิเศษบางอย่างเข้ามาในงบการเงิน ถ้าไม่มีตัวเลขดังกล่าวบันทึกเข้ามาในจังหวะที่บริษัทขาดทุนค่าเงินมโหฬาร ก็จะทำให้ตัวเลขกำไรไตรมาส 2 ก็ลดฮวบเหมือนกัน และเป็นคำอธิบายการร่วงลงมาปิดที่ 37.50 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 6.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 922 ล้านบาทนะออเจ้า

ในเมื่อพูดถึงเรื่องกำไรลดขึ้นมาทั้งที ก็ต้องมีอดีตดาวรุ่งอย่างหุ้นแต่งกลิ่น RBF เข้ามาแจมด้วยอย่างแน่นอน เพราะแรงขายที่รินออกมาเป็นเวลานานนั้น แท้ที่จริงก็กังวลเรื่องกำไรลดจริง ๆ และถ้าย้อนดูสถานการณ์ของกำไรที่ซึมลงเป็นช่วง ๆ ในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ก็จะเข้าใจเหตุผลที่วันนี้ราคาหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 5.10 บาท ลบไป 1.95 บาท หรือลงไป 27.65%ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 178 ล้านบาทพะย่ะค่ะ

เรื่องข้างต้นกลายเป็นจุดที่ทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงอดีตดาวดังแห่งวงการมือถือ SMT ขึ้นมาทันทีเช่นกัน เพราะถ้าย้อนกลับไปในอดีตเขาคือ บริษัทที่ทำชิปป้อนให้กับแบล็คเบอร์รี่แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย แต่ทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ก็ทำให้หุ้นตัวนี้ไม่เจิดจรัสเหมือนเมื่อก่อน และการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ 1.17 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60 ล้านบาท พร้อมกับไตรมาส 2 ขาดทุนแบบนี้..มันก็ชัดเจนในตัวของมันเองนะคะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button