ทางเลือกยังพอมี

หากดูสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ดัชนียังพยายามเคลื่อนตัวไปมาในกรอบ 1,280-1,330 จุด


หากดูสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ดัชนียังพยายามเคลื่อนตัวไปมาในกรอบ 1,280-1,330 จุด ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และทำให้ตัวอีฉันรู้ได้ทันทีว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเน้นเล่นสั้นเหมือนเดิม ซึ่งเป็นตัวแปรที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยอ่อนไหวไปตามกระแสข่าวรายวัน ก็เป็นเพราะตลาดหุ้นไทยขาดภูมิคุ้มกันต่อข่าวร้ายไงล่ะคะ

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว และการเมืองยังไม่นิ่งเสียที ส่งผลให้นักลงทุนมีเรื่องให้ลุ้นระทึกทุกวัน และยังทำให้การทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,292.69 จุด ลบไป 5.10 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.34 หมื่นล้านบาทกลายเป็นช็อตเดิมที่เรา ๆ ท่าน ๆ เห็นกันเป็นประจำ เพราะสตอรี่ที่ทำให้ดัชนีร่วงหนักวานนี้ ล้วนมาจากนายกฯ “เศรษฐา” ไม่ได้ไปต่อ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลหนักพะย่ะค่ะ

สำหรับดาวเด่นที่ “โมนิก้า” ชอบเอ่ยถึงทุกครั้งเมื่อตลาดหุ้นต้องการตัวช่วยก็คือหุ้น DELTA เพราะการขยับขึ้นของหุ้นตัวนี้ช่วยประคองตลาดหุ้นไทยเป็นประจำ เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 102.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 999 ล้านบาท ถือเป็นช็อตที่น่าลุ้นแบบห่าง ๆ เพราะในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นพยายามวิ่งฝ่าแนวต้านสำคัญบริเวณ 105 บาท เพราะราคาสูงสุดที่โบรกฯ ให้เป้าอยู่แถว 120 บาทน่ะซี

อีกรายที่เหมาะต่อการเล่นสั้น ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น TTB ซึ่งเป็นหุ้นที่ “เม่าเล่นได้ ฝรั่งเล่นดี” เนื่องจากมีราคาไม่ถึง 2 บาท แถมราคาหุ้นก็แกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในกรอบ 1.60-1.80 บาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในแต่ละไตรมาสก็ยังทำได้ดี เดี๊ยนจึงมองการยืนปิดที่ระดับ 1.71 บาท บวกไป 0.01 บาท หรือขึ้นไป 0.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 871 ล้านบาท เหมาะต่อการเข้าไปตะลุมบอนในจังหวะที่ตลาดหุ้นกังวลจ้า!

ส่วนการขึ้นของหุ้นเครื่องดื่มชูกำลัง CBG ก็มีช็อตที่น่าสนใจตรงที่ การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงมาปิดที่ระดับ 66.50 บาท บวกไป 3.75 บาท หรือขึ้นไป 5.98% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 958 ล้านบาท มันเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ทั้งที่อาการของหุ้นก่อนหน้านี้ซึมลงลูกเดียว ครั้นจะบอกว่า เด้งรับกำไรโตเท่าตัว ก็เป็นคำอธิบายที่ช้าไปหน่อย เพราะประกาศงบไปตั้งแต่ศุกร์ที่แล้ว หรือจะบอกว่า กังวลการเมือง ก็พอเข้าใจได้ วันนี้เลยต้องลุ้นว่า ไปต่อไหม?

ในเมื่อเม้าท์ถึงเรื่องที่ต้องลุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอชายตามองไปที่หุ้น VGI เพื่อชี้ให้เห็นอาการของหุ้นที่เหมือนไปต่อ พอเอาเข้าจริงกลับมีแรงขายออกมาเป็นระลอก ส่งผลให้ราคาหุ้นวนไปวนมาที่ระดับ  1.70-1.90 บาทตลอดทั้งสัปดาห์ เดี๊ยนเลยอยากถามนักลงทุนว่า การยืนปิดที่ระดับ 1.70 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 5.56% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 855 ล้านบาท โดยมีทุนดูไบหนุนหลัง แต่การเมืองสิ้นสุดตรงนี้..หุ้นยังจะไปได้ไหมจ๊ะ

เช่นเดียวกับในรายของ DITTO ก็ขยับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังโชว์ผลงานไตรมาส 2 โต 35% แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เหมาะสมทุกประการ เพราะเมื่อดูกำไรต่อหุ้นช่วง 6 เดือนแรกขึ้นมาอยู่ที่ 0.33 บาทเป็นที่ตั้ง ต่อจากนั้นนำมาคิดแบบเส้นตรงว่า ครึ่งปีหลังจะทำได้เท่ากับครึ่งปีแรก กำไรต่อหุ้นทั้งปีก็จะอยู่ที่ระดับ 0.66 บาท และเมื่อนำมาเทียบกับการยืนปิดที่ระดับ 14.20 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 16.39% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 195 ล้านบาท คุณ ๆ ท่าน ๆ ก็จะเห็นด้วยตัวเองว่า น่าสนใจจริงไหม?..อิอิอิ

สำหรับรายที่เรียกเสียงฮือฮาสุด ๆ “โมนิก้า” ขอมองไปที่ม้านอกสายตาอย่างน้องแนท NAT หลังกำไรไตรมาส 2 โตในระดับ 10% ขณะที่ครึ่งปีแรกก็โตในระดับ 60% แถมยังประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลอีก 0.22 บาทแบบนี้ ราคาหุ้นเลยวิ่งรับข่าวขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.58 บาท บวกไป 0.48 บาท หรือขึ้นไป 11.71% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28 ล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นน่าจะไปได้อีกก็เท่านั้นเอง..จริงหรือไม่ ลองไปคิดกันดูน๊า!

ตบท้ายด้วยเรื่องประชุมผู้ถือหุ้นกู้ EA ล่มไม่เป็นท่า (องค์ประชุมไม่ครบ) กันสักหน่อย เพราะเรื่องนี้ทำให้งบการเงินไตรมาส 2 ถูกผู้ตรวจสอบบัญชีแสดงความคิดเห็นอย่างมีเงื่อนไขแน่นอน เพราะมูลหนี้ที่มีมากถึง 4 พันล้านย่อมกระทบกับงบกำไรขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ จึงต้องดูกันต่อไปว่า ผู้บริหารจะหาทางออกเรื่องนี้อย่างไร? เพราะมันเป็นเหมือนลูกระเบิดสุดท้ายที่ต้องถอดสลักให้ได้น่ะซี

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button