YGG ปริศนาพลิกขาดทุน.!

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงที่ผ่านมา YGG เผชิญวิบากกรรมฟอร์ซเซล จากการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เอาหุ้นตัวเองไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอบัญชีมาร์จิ้น


ปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงที่ผ่านมา บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG เผชิญวิบากกรรมฟอร์ซเซล จากการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ “ธนัช จุวิวัฒน์” เอาหุ้นตัวเองไปตึ๊ง หรือเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอบัญชีมาร์จิ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) แล้วพอราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรง โบรกเกอร์เรียกหลักทรัพย์เพิ่ม ดันหาหลักทรัพย์มาเติมไม่ได้ ก็เลยถูกบังคับขาย หรือฟอร์ซเซลไปตามระเบียบ (พัก)..!!

ส่งผลให้ปัจจุบัน “ธนัช” เหลือถือหุ้นแค่ 5.80 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.96% จากเดิมถือหุ้น 247.68 ล้านหุ้น คิดเป็น 41.143%

จากผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง กระเด็นกระดอนไปเป็นผู้ถือหุ้นปลายแถวอันดับ 11 เฉยเลย…มันน่าเศร้าใจจริง ๆ

ก็คงเป็นบทเรียนราคาแพงระยับให้กับ “ธนัช”…เพราะธุรกิจที่ปลุกปั้นมากับมือ วันนี้กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว

อ้อ…ถ้าใครจะแย้งว่า ทุกวันนี้ “ธนัช” ก็ยังนั่งเป็น CEO อยู่นะ…งั้นลองชั่งน้ำหนักดูละกัน ระหว่างเป็นเจ้าของบริษัท เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้วควบตำแหน่ง CEO กับวันนี้ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของแล้ว แค่นั่งบริหารเป็น CEO ไปวัน ๆ เท่านั้น ก็ไม่ต่างจากมือปืนรับจ้างดี ๆ นี่เอง…ซึ่งไม่รู้จะถูกบอร์ดถอดออกเมื่อไหร่..?? ไม่มีใครรับประกันได้หรอก

แต่ดูเหมือนวิบากกรรมของ YGG ไม่หมดเท่านั้น เพราะนอกจากผู้ถือหุ้นใหญ่จะถูกฟอร์ซเซลแล้ว ในเวลาไล่เลี่ยกันยังเกิดกรณี CFO ยื่นจดหมายลาออกก่อนปิดงบงวดไตรมาส 2/2567 เพียงแค่ 2 วันอีก…ก็ถูกตั้งคำถามว่าเกิดอีหยัง..??

พอ YGG แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ถึงบางอ้อ…งบไตรมาส 2/2567 ถึงขั้นพลิกมาขาดทุนบักโกรก 378.10 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25.72 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกปี 2567 มีตัวเลขติดลบอยู่ที่ 347.14 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 57.23 ล้านบาท

นี่ขนาดช่วงเกิดวิกฤตโควิดที่เขาแย่กันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ตอนนั้น YGG ยังโตเอ๊าโตเอาทุกปี โดยปี 2565 ทำสถิติสูงสุดกำไรแตะที่ 122.13 ล้านบาท ส่วนในปีนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมแม้จะยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนช่วงโควิด แล้วไหง YGG พลิกมาขาดทุนเสียล่ะ..??

ครั้นไปค่อนแคะแกะไส้ในดู ที่แท้เกิดจากรับรู้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และผลขาดทุนจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ต่าง ๆ จำนวน 375.60 ล้านบาท

แล้วถ้าไปดูคำอธิบายของบริษัท ระบุว่า ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 มีสินทรัพย์ที่เกิดจากสัญญาสำหรับโครงการว่าจ้างที่ปฏิบัติเสร็จสิ้นตามสัญญาแต่ยังไม่ได้เรียกเก็บเงินจากลูกค้าจำนวน 45.6 ล้านบาท และโครงการว่าจ้างที่ยังไม่เสร็จสิ้นตามสัญญาจำนวน 300.4 ล้านบาท แต่เนื่องจากมีการพิจารณาปรับกลยุทธ์ในการประกอบธุรกิจ จึงคาดว่าจะมีสินทรัพย์ที่เกิดจากสัญญาบางส่วนจะไม่สามารถเรียกชำระจากลูกค้าและไม่สามารถทำให้โครงการเสร็จสิ้นได้ตามสัญญา ทำให้ต้องรับรู้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวนเงิน 306.1 ล้านบาท เทียบกับปีที่แล้วไม่มีรายการนี้

ถ้าให้แปลไทยเป็นไทย ก็หมายความว่าส่งมอบงานไปแล้ว แต่เก็บเงินไม่ได้ ลูกค้าเบี้ยวหนี้ไม่ยอมจ่ายเงินว่างั้น..!!

ว่าแต่ลูกหนี้รายนี้เป็นใครกันนะ…อยากรู้จัง..!? เพราะปกติลูกค้า YGG เป็นบริษัทต่างชาติไม่ใช่เหรอ..??

ก็น่าคิด YGG จะเจอวิบากกรรมผลขาดทุนด้านเครดิตไปยาวนานแค่ไหน..?? จะรับรู้ครั้งเดียวแล้วจบ..?? หรือตามหลอกหลอนในปีต่อ ๆ ไปอีก..?? อันนี้ก็ไม่รู้สินะ

ที่รู้ตอนนี้สถานการณ์ YGG ไม่เหมือนเดิมแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ไม่เหมือนเดิม กลายเป็นเบี้ยหัวแตกไปแล้ว ส่วนธุรกิจก็ไม่เหมือนเดิม น่าจะเกิดความระส่ำระสายของทีมงานทำให้งานไม่ราบรื่นด้วยละมั้ง

มิหนำซ้ำยังผิดนัดชำระหนี้ EXIM Bank อีก จากการออกตั๋วพีเอ็น  (P/N) มูลค่า 9 ล้านบาท ซึ่งครบกำหนดชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 ปรากฏว่า YGG จ่ายหนี้ได้แค่ 1 ล้านบาทเท่านั้น…บ่งบอกว่าบริษัทขาดสภาพคล่องอย่างหนักนะเนี่ย…

เลยทำให้นักลงทุนหนีตายจากหุ้น YGG กันจ้าละหวั่น ส่งผลให้วานนี้ (15 ส.ค.) ราคารูดติดฟลอร์ ปิดตลาดที่ 0.83 บาท…กลายเป็นหุ้นไม่เต็มบาทไปโดยปริยาย

ก็ได้แต่หวังว่าหุ้นที่ทำกำไรได้ดีอย่าง YGG จากธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ แถมเป็นธุรกิจเฉพาะทางต้องอาศัยไอเดียและความเชี่ยวชาญสูง น่าจะทำให้ YGG กลับมาได้ในเร็ววันอะนะ..??

…อิ อิ อิ…

Back to top button