พาราสาวะถี
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 โดยนายกฯ หญิงคนที่สองของประเทศยัน จะเร่งดำเนินการในส่วนของการตั้งคณะรัฐมนตรีให้เสร็จโดยเร็ว
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 โดยนายกฯ หญิงคนที่สองของประเทศยัน จะเร่งดำเนินการในส่วนของการตั้งคณะรัฐมนตรีให้เสร็จโดยเร็ว มีการโพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า หลังจากนี้ การจัดตั้งรัฐบาลจะดำเนินการตามกระบวนการ และจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “ดิฉัน พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนพร้อมทำงานให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อ เพื่อคนไทยทุกคน”
เมื่อกระบวนการต่าง ๆ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้ เศรษฐา ทวีสิน พ้นจากเก้าอี้นายกฯ ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ดำเนินการกันอย่างรวดเร็ว ประกอบกับโควตารัฐมนตรีก็ไม่ได้มีการขยับกันมาก ทุกอย่างจึงไม่น่าจะช้า ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติด้วยเสียงท่วมท้น 319 เสียง โหวตให้อุ๊งอิ๊งนั่งเป็นนายกฯ คนที่ 31 และเป็นผู้นำหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย ดูเหมือนว่าจะมีแต่เรื่องดี ๆ วิ่งเข้าหาคนตระกูลชินวัตร
หลังจากนั้นแค่ 1 วัน มีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2567 เป็นผลให้ทักษิณพ้นโทษทันทีโดยไม่ต้องรอให้ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เรื่องดังกล่าว พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่า กรณีทักษิณอยู่ระหว่างการพักการลงโทษ ถือเป็น 1 ในจำนวนผู้ที่ได้รับการอภัยโทษด้วย โดยเป็นการปล่อยตัวพ้นโทษทันที เป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว ส่วนเรื่องใบบริสุทธิ์ที่จะต้องมอบให้แก่ผู้พ้นโทษจะเป็นกระบวนการของกรมราชทัณฑ์และกรมคุมประพฤติที่จะต้องประสานงานกัน
ทำให้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายใหญ่ได้เดินทางไปตัดผมที่ห้างดังย่านเพลินจิต เสริมหล่อเพื่อไปร่วมแสดงความยินดีกับแพทองธาร ในพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ ที่อาคารวอยซ์ สเปซ ในวันรุ่งขึ้น ผู้มีบารมีที่แท้จริงในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย มีสีหน้าสดชื่นยิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับคนในตระกูลวงษ์สุวรรณ ที่ทำท่าว่าจะตกอยู่ในภาวะพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เพราะพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. ที่ไม่เข้าร่วมประชุมสภาในวันโหวตอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ดันไปสร้างวีรกรรมที่น่าอดสู
ตบบ้องหูของผู้สื่อข่าวสาวที่พยายามสอบถามในเรื่องดังกล่าว เห็นชัดว่ากรณีนี้ไม่ใช่การหยอกล้อ เพราะสีหน้า ท่าทางที่แสดงออกของเจ้าตัวชัดเจนเหลือเกินว่าน็อตหลุดอย่างแรง ส่งผลให้สมาคมวิชาชีพสื่อร่อนแถลงการณ์ เรียกร้องถามหาความรับผิดชอบจากคนบ้านในป่า ขณะที่ สส.ของอดีตพรรคก้าวไกลก็เตรียมที่จะยื่นให้มีการเอาผิดจริยธรรมร้ายแรงด้วย งานนี้ไม่รู้ว่าถึงขั้นต้องสังเวยด้วยเก้าอี้ สส. แทนที่จะรอเวลาโบกมือลาอย่างสง่างาม อาจจะกลายเป็นการวางมือที่ไม่สวยหรูไปเสียฉิบ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีกระแสข่าวหนาหูด้วยว่า ในการฟอร์มทีมรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้น มีประกาศิตถึง ธรรมนัส พรหมเผ่า จากนายใหญ่ ต้องไม่มีชื่อคนตระกูลวงษ์สุวรรณอยู่ร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง นั่นหมายความว่า พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายร่วมสายเลือดของคนบ้านในป่า ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกเขี่ยพ้นเก้าอี้รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปด้วย และนั่นก็จะถือเป็นการสั่นคลอนเสถียรภาพของพรรคสืบทอดอำนาจไปด้วย
จะว่าไปแล้วเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า พี่ใหญ่ทำได้แค่รอเวลาที่จะวางมือเท่านั้น ซึ่งคงไม่คาดคิดว่าสถานการณ์มันจะลงเอยแบบนี้ หากเป็นเช่นนั้นเท่ากับว่าโควตารัฐมนตรีสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐจะตกอยู่ในมือของกลุ่มธรรมนัสทั้งหมด โดยเก้าอี้ของบิ๊กป๊อดนั้น ในส่วนรองนายกฯ ผู้กองมันคือแป้งอาจจะรับไปนั่งควบกับว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ จะตกเป็นของ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขในปัจจุบัน
เหตุผลทางการเมืองมันก็บ่งบอกอยู่ในตัว เด็กในคาถาของธรรมนัสจะพากันเปลี่ยนสีเสื้อทั้งหมดในการเลือกตั้งครั้งหน้า แนวโน้มสูงว่าจะกลับไปซบอกเพื่อไทยเหมือนเดิม ไม่ต่างจากสันติที่ก็จะนำ สส.ในความดูแล 10 เก้าอี้กลับไปร่วมชายคากับนายใหญ่เช่นกัน การเดินเกมทางการเมืองมาถึงตรงนี้ ความจริงก็ตั้งแต่เกิดรัฐบาลพลิกขั้ว มันบ่งชี้อยู่แล้วว่า อำนาจที่ทรงพลัง ไม่ต้องการให้พรรคสีส้มได้เข้าสู่อำนาจการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นที่รับรู้ของคนส่วนใหญ่อยู่แล้ว
สำหรับโผ ครม.แพทองธาร 1 นั้น พรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ไม่มีการปรับเปลี่ยนเหมือนอย่างที่เคยบอกไป จะมีการขยับก็แต่พรรคเพื่อไทย และรวมไทยสร้างชาติ โดยพรรคหลังยังได้เก้าอี้ 4 ตำแหน่งเหมือนเดิม เป็นไปตามที่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคได้เสนอชื่อ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคให้เศรษฐาไปก่อนหน้านี้ ถูกคาดหมายว่าจะไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แล้วให้ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ลดชั้นไปนั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่ 2 ตำแหน่งเดิมคือพีระพันธุ์ยังอยู่ดูแลกระทรวงพลังงาน และ สุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
ที่ถูกจับตามองคงหนีไม่พ้นพรรคแกนนำรัฐบาล สุทิน คลังแสง หนนี้คงต้องโบกมือลาเก้าอี้ว่าการกระทรวงกลาโหม แล้วกลับไปทำงานในสภาตาม นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ไปรออยู่ก่อนแล้ว อีกคนน่าจะเป็น เกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่วนรัฐมนตรีสายเศรษฐาอย่าง พิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ก็น่าจะหลุดจากเก้าอี้ตามไปด้วย
ผู้ถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาใหม่ 1 รายแน่ ๆ ในฐานะแม่บ้านพรรคคือ สรวงศ์ เทียนทอง อีกหนึ่งคนหนีไม่พ้น ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.หนึ่งเดียวของพรรค ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีตำแหน่งในรัฐบาล ส่วนรายนี้ “เดียร์” ขัตติยา สวัสดิผล จะขึ้นชั้นเหมือนกัน ด้วยเหตุที่ใกล้ชิดกับ พานทองแท้ ชินวัตร ตามรายชื่อจะถือเป็นรัฐมนตรีพรรคแกนนำที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ และให้โอกาสสุภาพสตรีในการทำงานฝ่ายบริหาร ทั้งนี้ แม้อุ๊งอิ๊งบอกว่าตั้ง ครม.ให้เร็ว แต่จะมีการสอบประวัติกันอย่างเข้มข้น รอบคอบ โดยเฉพาะข้อห้ามต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเหมือนที่เศรษฐาถูกเขี่ยตกเก้าอี้ไป
อรชุน