ขึ้นมาให้ถูกยำ
ก่อนอื่นต้องบอกให้แฟนคลับได้เข้าใจว่า การจั่วหัววันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายกฯ คนที่ 31
ก่อนอื่นต้องบอกให้แฟนคลับได้เข้าใจว่า การจั่วหัววันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายกฯ คนที่ 31 ซึ่งคนส่วนใหญ่พูดไปในทางเดียวกันว่า พูดเก่งเหลือเกินอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แต่อย่างใด เพราะของมันเห็นกันมาตั้งนานแล้วว่า การสืบทอด มันต้องเกิดขึ้นสักวัน และการที่หล่อนขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาลแบบเต็มตัว ก็น่าจะพร้อมโดนทั้งก้อนหิน รองเท้า และดอกไม้ ใช่ไหมจ๊ะ
ฉะนั้นอย่าถามว่า “โมนิก้า” รู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ เพราะต้องการให้กระแสสังคมเป็นคนพูดเองดีกว่า..ขืนอีฉันพูดอะไรแบบตรง ๆ มากเกินไป เดี๋ยวหล่อนจะหาว่า คนอย่างอีฉันมีอคติ เนื่องจากสิ่งที่เคยปราศรัยตอนหาเสียง มันทำให้หลายคนลงความเห็นโคตรกากกันทั้งนั้น จึงต้องตามดูกันต่อไปว่า หล่อนจะฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีเหมือนตอนที่พ่นน้ำลายได้อ๊ะป่าว..อิอิอิ
ส่วนบรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นไทย ก็ยังชอบทำท่าเหมือนไปต่อ แต่เอาเข้าจริงก็กลายเป็นว่า “ขึ้นมาให้ถูกยำ” เสียแบบนี้ “โมนิก้า” เลยต้องออกมาเม้าท์ถึงกำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในระดับ 89 บาท ต่อจากนั้นนำมาคำนวณบน PE ในระดับ 15 เท่า จะได้เป้าอยู่ที่ 1,335 จุด เมื่อเมื่อขยับขึ้นเป็น 16 เท่า จะได้เป้าอยู่ที่ 1,424 จุด หรือจะดันขึ้นไปสุดที่ 17 เท่า จะได้เป้าอยู่ที่ 1,513 จุดนะตัวเอง
งานนี้เลยอยู่ที่ว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะใช้สูตรไหนในการเล่น? และคำตอบเบื้องต้นในช่วง 2 เดือนครึ่งก็คือ ใช้สูตร PE 15 เท่า ซึ่งทำให้รู้ว่า ถ้าดัชนีขึ้นมาใกล้ระดับ 1,335 จุด มักมีข่าวร้ายเข้ามาเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1,303 จุด บวกไป 13.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.56 หมื่นล้านบาท ยังเหมาะต่อการโหนกระแสอยู่ไหม? ผนวกกับเศรษฐกิจไทยยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ แบบนี้..ไปต่อไหมหนอ?
สำหรับหนึ่งในตัวชี้วัดว่า ตลาดหุ้นไทยจะ “ไปต่อ” หรือ “ไม่ไปต่อ” น่าจะมองไปที่แบงก์สีเขียว KBANK เพราะเป็นหุ้นที่ล้อไปกับดัชนีมากสุด และการที่หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 133.50 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.60 พันล้านบาท ซึ่งเป็นระนาบเดียวกับยอดเดิมเที่ยวก่อนบริเวณ 135 บาท น่าจะเป็นการเดิมพันว่า ต้องใช้หุ้นตัวนี้มาช่วยหนุน เพราะพวกสถาบันชอบลุยหุ้นตัวนี้ก่อนน่ะซี
เช่นเดียวกับแบงก์สีฟ้า KTB ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่รัฐบาลใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ และดูเหมือนเที่ยวนี้จะกลายเป็นตัวเลือกลำดับแรกในการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนจับตาการไต่เพดานขึ้นช้า ๆ จนทะลุยอดเดิมขึ้นมาปิดที่ระดับ 18.10 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 627 ล้านบาท น่าจะมีนัยสำคัญบางอย่างกระมัง!
ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องเศรษฐกิจ และการเมืองขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น SC เพื่อชี้ให้เห็นการพุ่งขึ้นไปถึง 2.68 บาท น่าจะเป็นการขึ้นรับข่าว “อุ๊งอิ๊ง” นั่งนายกฯ ซึ่งเป็นแค่เกมทางจิตวิทยามากกว่า เพราะแก่นแท้ที่จะทำให้หุ้นขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ต้องมาจากกำไรโตเสมอต้นเสมอปลาย แต่สิ่งที่เห็นจากงบไตรมาส 2 ก็คือกำไรลด 10% แบบนี้ มันทำให้การยืนปิดที่ระดับ 2.50 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 353 ล้านบาท ไม่เสี่ยงไปเหรอคุณแม๊!
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น NEX ขึ้นมาทันที เพราะผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2 เป็นจำนวนกว่า 255 ล้านบาท มันเป็นตัวสั่นคลอนบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้การพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.71 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 16.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51 ล้านบาทฝืนธรรมชาติเกินไปหน่อย ยกเว้นไตรมาส 3 มีการส่งมอบรถได้ตามแผนที่วางไว้ ก็เป็นเหตุผลที่รับฟังได้ และทำให้การขึ้นเที่ยวนี้น่าสนใจจ้า
ตบท้ายกันที่ 3BBIF กันดีกว่า! เพราะอาการขึงขังเหมือนจะกลับทิศเป็นขาขึ้นเมื่อเดือนก่อนมันหายไปอย่างรวดเร็ว และถูกแทนที่ด้วยแรงขายที่รินออกมาเป็นระลอก จนล่าสุดหุ้นลงมายืนอยู่ที่ระดับ 5.40 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48 ล้านบาท มันทำให้นักลงทุนเซ็งเป็ดไปตาม ๆ กัน ผนวกกับผลงานไตรมาส 2 ก็พลิกขาดทุนเอาดื้อ ๆ แบบนี้..โกยเถอะโยม!
อะ..อะ.อะ อย่าลืมว่า ดัชนีขึ้นแรงเที่ยวนี้มาจากอิทธิพลต่างประเทศ เลยไม่อยากให้แฟน ๆ สำคัญผิด
โมนิก้า: และทีมงาน