พาราสาวะถี

ไม่มีอะไรมันไปกว่าการลุ้นการเมืองไทยว่าด้วยรายชื่อรัฐมนตรีในรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร มันหยดหนีไม่พ้นพรรคพลังประชารัฐ ความขัดแย้งปะทุ คุกรุ่น


ไม่มีอะไรมันไปกว่าการลุ้นการเมืองไทยว่าด้วยรายชื่อรัฐมนตรีในรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร มันหยดหนีไม่พ้นพรรคพลังประชารัฐ ความขัดแย้งปะทุ คุกรุ่นตั้งแต่ยุคของรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน จนสุดท้ายก็ถึงจุดแตกหักจนได้ หลังจากที่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศรายชื่อรัฐมนตรีที่จะส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ไม่มีชื่อของ ธรรมนัส พรหมเผ่า ด้วยเหตุผลว่า พรรคแกนนำเขาไม่เอา จนผู้กองมันคือแป้งเดือดจัด ให้สัมภาษณ์นักข่าวทันทีก่อนประชุม ครม. ประกาศอิสรภาพทางการเมือง

ไม่ต้องถอดรหัสอะไร การบอกว่าจากนี้ไปพรรคพลังประชารัฐไม่ต้องโทรหา หมายความว่า เป็นการตัดญาติขาดมิตรกันแล้ว เพียงแต่ว่าการจะไปสังกัดพรรคใหม่หากไม่มีการขับออก ก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็น่าสนใจเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคสืบทอดอำนาจจะจัดสรรกันอย่างไร เพราะในการดีลต่าง ๆ ธรรมนัสเรียกได้ว่าเป็นสายตรงที่ ทักษิณ ชินวัตร ใช้บริการมาโดยตลอด ถึงขนาดปรากฏข่าวส่งสารไปว่า ครม.อุ๊งอิ๊งต้องไม่มีคนตระกูลวงษ์สุวรรณร่วมด้วย

น่าสนใจจากบทสัมภาษณ์อันร้อนแรงของผู้กองมันคือแป้ง ที่ย้อนถามนักข่าวประเด็นที่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เปิดปากบอกกับสื่อมวลชนเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ใครไปปลุกให้แกมาพูด เรื่องจริงหรือฝันไป หากจำนวน สส.ถูกแยกส่วนแบบนี้ เท่ากับว่า โควตาก็จะต้องจัดสรรกันตามอัตราส่วนที่ได้กำหนดไว้ ขณะเดียวกัน ธรรมนัสก็รู้ทิศทางลม ถ้ามีเสนอชื่อตัวเองให้อุ๊งอิ๊งพิจารณาจะสร้างความลำบากใจ จึงเลือกที่จะถอยตัวเองมาทำงานหลังฉาก แล้วส่งเด็กในคาถาไปนั่งแทน

ไม่มีอะไรผิดไปจากที่มีการคาดหมายก่อนหน้า สถานการณ์ของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นเศรษฐาได้เดินต่อ หรือเปลี่ยนตัวนายกฯ ยังไงเสียพรรคพลังประชารัฐต้องถูกบอนไซ ประเด็นที่ว่าพี่ใหญ่ยกหูเคลียร์นายใหญ่นั้น มันจะได้รับความไว้วางใจและยอมกันง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ ชัดเจนแล้วว่าคนบ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นผู้ชี้นิ้วฟันธงเปรี้ยงครั้งกระโน้น คนบ้านในป่าเป็นนักการเมืองเพียงคนเดียวที่สร้างความวุ่นวายในเวลานี้ ท่วงทำนองแบบนี้ต้องถามกันดัง ๆ ไว้ใจได้กา

ตัดปัญหาเรื่องคุณสมบัติธรรมนัสไปได้ด้วยการยอมถอยของเจ้าตัว ก็เท่ากับสร้างความโล่งใจให้กับนายใหญ่และลูกสาวไปได้มากโข ส่วนรัฐมนตรีรายอื่นที่เป็นข่าว ชาดา ไทยเศรษฐ์ ของภูมิใจไทย ในเมื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันเก้าอี้เสนาบดีของพรรคยังเป็นคนเดิมทั้งหมด ก็คงยากที่จะปฏิเสธ เช่นเดียวกับรายของ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ จากรวมไทยสร้างชาติ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคที่เป็นอดีตผู้พิพากษามั่นใจว่าไร้ปัญหา ก็ต้องว่ากันตามนั้น

จุดชี้วัดก็จะอยู่ที่ผลการตรวจสอบของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่แกนนำของพรรคเพื่อไทยยืนยัน หนนี้ต้องตรวจสอบเข้มเพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยเศรษฐา ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็จำเป็นต้องรอ แน่นอนว่า การได้เห็นโฉมหน้าของรัฐบาลแพทองธาร 1 เป็นการเบื้องต้น ย่อมจะมีผลต่อความเชื่อมั่นที่จะตามมา ดังนั้น นอกเหนือจากต้องจัดการการเมืองให้อยู่หมัดแล้ว รายชื่อของรัฐมนตรีที่จะมาคุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจจะต้องเรียกเสียงว้าวมากกว่ายี้ด้วยเช่นกัน

หากมองในแง่นี้ ปัญหาการจัดวางตัวก็จะเป็นเรื่องของเพื่อไทย และต้องใช้ความเด็ดขาดของนายใหญ่ในการตัดสินใจ แค่รายชื่อรัฐมนตรีที่จะหลุดจากเก้าอี้ก็เริ่มทำให้เห็นแล้วว่าการเมืองภายในของพรรคแกนนำว่าด้วยการเตะตัดขากันเองก็แรงใช่ย่อย เห็นได้จากกรณีของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ ที่ปรากฏเป็นข่าวไม่ขอรับเก้าอี้ จนเจ้าตัวต้องออกมาปฏิเสธ “ยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ผมไม่เคยพูดเลย งงมากครับ” แสดงว่ามีการปล่อยข่าวเพื่อหวังผล

รายที่ขอโบกมือลาแน่ ๆ คือ พิชัย ชุณหวชิร นั่นเป็นโจทย์ใหญ่ของเพื่อไทย จะหาใครมาดูแลกระทรวงการคลัง ดัน จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ขึ้นชั้นเลยได้หรือไม่ ภาพของนักการเมืองจะมากลบความเชื่อมั่นที่จะต้องเกิดหรือไม่ ท้ายสุดต้องใช้สูตรสำเร็จอาจต้องดึงคนนอกเข้ามาช่วย ซึ่งนับตั้งแต่กระแสความขัดแย้ง กระทั่งหมดยุคของรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ ต้องยอมรับความจริงกันว่า บรรดาบุคลากรภาคเอกชนที่มีชื่อเสียง ไม่อยากเอาตัวเข้ามาเสี่ยงกับตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ได้ไม่คุ้มเสีย

อย่างไรก็ตาม เดินเกมกันมาขนาดนี้ ความมั่นอกมั่นใจของนายใหญ่ก็เพิ่มมากขึ้น จึงเชื่อว่าจะมีมือดีเข้ามาช่วยงานของลูกสาวในการบริหารประเทศให้ราบรื่นได้ ส่วนสมการทางการเมืองตัวเลขเสียงข้างมากที่จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล วันโหวตนายกฯ ที่อุ๊งอิ๊งได้ 319 เสียงหนุนนั้น น่าสนใจกับ 6 เสียงของ สส.พรรคไทยสร้างไทย และ 3 เสียงของพรรคเล็ก จะมาทดแทนกรณีหากต้องตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดกับการร่วมรัฐบาลของพลังประชารัฐได้

ที่มองข้ามไม่ได้คงเป็นในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ หากถอดรหัสก้าวข้ามความขัดแย้ง ในวันที่ สส.ต้องขานเสียงหนุนแพทองธารนั่งนายกฯ นั้น จะเห็นได้ว่า จำนวนไม่น้อยคือพวกที่ร่วมขบวนการเป่านกหวีด ขับไล่ทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทักษิณมาแล้วทั้งสิ้น นี่คงเป็นความสะใจเล็ก ๆ ของนายใหญ่ที่ทำให้คนเหล่านั้นต้องมายกมือให้ลูกสาวสุดที่รักได้เป็นผู้นำประเทศ ไม่ว่าจะด้วยภาวะกล้ำกลืนฝืนทนหรือเต็มใจก็ตาม พรรคเก่าแก่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เมื่อเสียงส่วนใหญ่อยากร่วมขบวนกุมอำนาจ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ทั้งนี้ ความชัดเจนเรื่องซีกใดของพลังประชารัฐจะได้ร่วมรัฐบาลนั้น หลังการแถลงครั้งสุดท้ายของธรรมนัสที่กระทรวงเกษตรฯ กับจำนวน สส. 28 รายของพรรคที่ยืนอยู่เคียงข้าง พร้อมวลีเด็ด “ถ้าเลือกป้อมปลาคงบินได้” น่าจะชัด สำทับด้วยการให้สัมภาษณ์ของทักษิณที่ย้ำว่า ฝ่ายที่ทุ่มเทให้กับรัฐบาลมาตลอด ก็น่าเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง พร้อมยันด้วยว่าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไม่ได้โทรหา ก่อนจะบอกว่าอยากร้องเพลง “ถ้าจะมาก็มาทั้งตัว” ยิ่งแจ่มแจ้งเข้าไปใหญ่ มิหนำซ้ำ ยังตั้งคำถามกรณีที่คนในป่าไม่ไปร่วมโหวตเลือกอุ๊งอิ๊งด้วยว่า “ต้องลองถามท่านดูว่า ทำไมไม่มาโหวต” แค่นี้ก็น่าจะเป็นการปิดเกมเรียบร้อย มันจบแล้วครับนาย

อรชุน

Back to top button