‘จีน’ แจกคูปองเงินสดกระตุ้นเศรษฐกิจ
ช่วงระหว่างที่ประเทศไทย มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และกำลังถูกจับจ้องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าด้วย “การแจกดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท”
ช่วงระหว่างที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และกำลังถูกจับจ้องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าด้วย “การแจกดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” จะเดินหน้าต่อหรือใหม่..? หรืออาจแปลงร่างเป็น “แจกเงินสด” แทนหรือไม่.?
แต่ประเทศจีน..กำลังพิจารณา “แจกคูปองเงินสด” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้..!!
ปมเหตุมาจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนหลายตัวที่ออกมาย่ำแย่ กลายเป็นแรงกดดันต่อรัฐบาลปักกิ่งของจีน ให้ต้องผ่อนคลายการเบิกจ่ายงบประมาณมากขึ้น และแม้กระทั่งการแจก “คูปองช้อปปิ้ง” เพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจกลับสู่เป้าหมายของปีนี้ที่ระดับ 5%
หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2/67 ย่ำแย่ ทำให้ “จีน” ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก สูญเสียโมเมนตัมอีกครั้ง ช่วงเดือนเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ราคาบ้านใหม่ปรับลงอัตราส่วนเร็วสุดรอบ 9 ปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัว การส่งออกและการลงทุนเติบโตลดลงและอัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น
แม้ว่าข้อมูลอื่น ๆ อาจออกมาดีแต่ไม่ใช่เหตุผลเชิงบวก แต่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นเกิดจากสภาพอากาศที่เลวร้ายมากกว่าอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสะท้อนให้เห็นการซื้อชิปล่วงหน้าอย่างหนัก ก่อนที่คาดว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการควบคุมและจำกัดการผลิตด้านเทคโนโลยี และยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น จนดีเกินความเป็นจริงเมื่อเทียบกับฐานที่ต่ำช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา
ข้อมูลดังกล่าวสร้างภาพที่น่ากังวลต่อผู้กำหนดนโยบาย ที่จะต้องเร่งเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจ เว้นแต่จะยอมรับการเติบโตที่ชะลอตัว และแนวโน้มขาลงของความเชื่อมั่นผู้บริโภคและของภาคธุรกิจต่าง ๆ
Carlos Casanova นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านเอเชียของ UBP ระบุว่า ผลดำเนินงานทางเศรษฐกิจปัจจุบันของจีนต่ำกว่าเป้าหมาย จึงจำเป็นต้องมีการแทรกแซงนโยบายที่สำคัญและทำโดยทันที สิ่งนี้อาจจำเป็นต้องให้รัฐบาลขยายการขาดดุลงบประมาณมาเป็น 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จากเดิมวางแผนไว้ที่ระดับ 3%
รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลปักกิ่ง อาจตัดสินใจช่วงเดือนต.ค.ที่จะนำการออกพันธบัตรที่จัดสรรของปีหน้าบางส่วนขึ้นมาดำเนินการก่อน หากว่าการเติบโตไม่ส่งสัญญาณแตะจุดต่ำสุดช่วงฤดูร้อน
“มิฉะนั้นแล้วเศรษฐกิจจีนจะดูย่ำแย่และการเติบโต 5% จะเป็นไปไม่ได้”
ทั้งนี้จีนดำเนินการลักษณะเดียวกัน เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยได้ปรับเพิ่มการขาดดุลมาเป็น 3.8% ของ GDP จาก 3% และจัดสรรเงินส่วนหนึ่งจากโควตาหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นปี 2567 เพื่อลงทุนระบบป้องกันน้ำท่วมและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ทั้งนี้สิ่งที่อาจเปลี่ยนไปจากปีที่แล้วคือวิธีการใช้จ่ายเงินพิเศษส่วนเกิน
โดยแผนงานปกติของการใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน คือ การให้ผลตอบแทนที่ค่อย ๆ ลดลง หลังการลงทุนก่อสร้างสะพาน ถนน และทางรถไฟมาหลายทศวรรษ
ขณะเดียวกันปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตและเป็นที่นิยมของจีน ได้แก่ การผลิตขั้นสูง กำลังทำให้ความตึงเครียดทางการค้าและความกังวลด้านกำลังผลิตส่วนเกินภาคอุตสาหกรรมและภาวะเงินฝืดของภาคโรงงานเริ่มปะทุแรงมากขึ้น
ทั้งนี้นักวิเคราะห์จาก Societe Generale ระบุว่า เศรษฐกิจจีนเมื่อพิจารณาจากขนาดแล้ว ไม่สามารถขับเคลื่อนด้วยการผลิตและการส่งออกเพียงอย่างเดียวได้ และหากเป้าหมายยังคงเป็นการบรรลุเการเติบโตทางเศรษฐกิจ 5% ผู้กำหนดนโยบายจำเป็นต้องสนับสนุนอุปสงค์ในประเทศมากขึ้น
นั่นจึงทำให้กระแสการพูดคุยเรื่อง “คูปองเงินสด” กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีนต้องหันไปใช้การลดราคาและโปรโมชันอย่างมากมายเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ ทำให้อัตรากำไรภาคธุรกิจค้าปลีกนั้นลดลง
ล่าสุด China Daily สื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ของทางการจีน รายงานโดยอ้างอิงนักเศรษฐศาสตร์ 3 คน จากสถาบันวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ที่ระบุว่า รัฐบาลควรพิจารณาให้การช่วยเหลือโดยตรงเพิ่มเติมแก่ผู้บริโภค เป็นมูลค่าอย่างน้อย 1,000,000 ล้านหยวน (ประมาณ 139,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ไม่ว่าจะเป็น “เงินสดหรือคูปอง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนอีกครั้ง
ส่วนที่ว่า “การแจกเงิน” จะกระตุ้นเศรษฐกิจจีนได้หรือไม่..หรือได้มากน้อยแค่ไหน..เรื่องนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดกันเลยทีเดียว..!?