ลุยไฟ
เรื่องที่อยากจะกล่าวย้ำกับแฟนคลับอีกครั้งก็คือ อีฉันเป็นคนมองโลกในแง่บวกเป็นประจำ แต่โลกในปัจจุบันมันโหดร้ายมากเกินไป
เรื่องที่อยากจะกล่าวย้ำกับแฟนคลับอีกครั้งก็คือ อีฉันเป็นคนมองโลกในแง่บวกเป็นประจำ แต่โลกในปัจจุบันมันโหดร้ายมากเกินไป ทำให้อีฉันต้องปรับมุมมองไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จนกลายเป็นผู้หญิงปากร้ายในสายตาใครหลายคนนั้น ก็ไม่ได้ทำให้อีฉันรู้สึกแย่แต่อย่างใด เพราะเป็นการทำหน้าที่วิจารณ์จากสิ่งที่เคยเกิดในแต่ละวัน ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักลงทุนอีกด้วยเจ้าค่ะ
เหมือนกับการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนีในช่วง 2 วันก่อนหน้านี้ ขณะที่วานนี้เริ่มลดความร้อนแรง พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 1,328.12 จุด บวกไป 4.74 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.79 หมื่นล้านบาท ก็มีเหตุผลที่อธิบายในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ทิ้งตัวลงต่อเนื่อง และสภาพเศรษฐกิจที่ยังมีอาการซึมกระทือ หรือแม้กระทั่งการ take profit ล้วนเป็นส่วนผสมที่ทำให้นักลงทุนเพลาการซื้อพะย่ะค่ะ
ถึงกระนั้นก็ยังมีข่าวดีเกี่ยวกับเงินบาทมีลักษณะแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องเชื่อมโยงโดยตรงกับต่างชาติที่เริ่มกลับมาซื้อหุ้นไทย และยังได้แรงหนุนจากผลงานของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ รวมถึงการเมืองเริ่มมีโฉมหน้าที่ชัดเจนแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนลองชั่งน้ำหนักความน่าจะเป็นของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนนี้..อันไหนมีผลต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่ากันจ๊ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นพี่เทพ PTTEP ขึ้นมาก่อนใครเพื่อน เพราะแรงขายที่ออกมาก่อนหน้านี้ ล้วนมาจากความกังวลราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง รวมทั้งมีเรื่องรื้อโครงสร้างพลังงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นช่วง ๆ จนราคาหุ้นเคลื่อนตัวในลักษณะ W-Shape ที่มียอดต่ำลงเรื่อย ๆ และวานนี้ก็หลุดกรอบล่างมาปิดที่ 141 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.61 พันล้านบาทแบบนี้..หมดคำสิเว่า!
ส่วนพระเอกที่ยืนหนึ่งของหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา “โมนิก้า” ขอยกตำแหน่งดังกล่าวให้กับ DELTA ก่อนใครเพื่อน เพราะการขึ้นแต่ละช่องของราคาหุ้น มีผลกับดัชนีอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 105.50 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.49 พันล้านบาท พร้อมกับขึ้นมายืนเหนือแนวต้านสำคัญแบบนี้ มันเป็นจังหวะที่ทำให้เชื่อว่า วันนี้มีลุ้นไปต่อนะออเจ้า!
สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงเจ้าพ่อร้านสะดวกซื้ออย่าง CPALL ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะการขยับตัวขึ้นด้วยแรงซื้อที่หนาแน่น มันตีความได้ทันทีว่า เที่ยวนี้พวกสถาบันน่าจะเอาจริง และมีลุ้นฝ่าแนวต้านเก่าที่บริเวณ 60 บาทอีกด้วยแบบนี้ กลายเป็นเกมที่ต้องชั่งใจมากเป็นพิเศษว่า เที่ยวนี้มีอะไรพิเศษกว่ารอบก่อน ๆ หลังหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 59 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.41 พันล้านบาทน่ะซี
เช่นเดียวกับในรายของ VGI ที่ทำท่าเหมือนจะจบเกม เพราะมีอาการ “ตื้อ ๆ ตัน ๆ” เหลือเกิน แต่สุดท้ายก็ฝ่ากระแสความกังวลขึ้นมาเป็นช่วง ๆ จนวันก่อนระเบิดฟอร์มใหญ่ด้วยการพุ่งกว่า 15% และวานนี้ก็ยังขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.18 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 7.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 560 ล้านบาท ท่ามกลางความหวังที่ว่า ทุนดูไบจะเข้ามาต่อยอดธุรกิจแบบนี้..เน้นเล็กสั้นไว้ก่อนดีกว่านะคะ
เมาท์ถึงหุ้นตัวแรงขึ้นมาทั้งที ย่อมมีชื่อของหุ้น MONO เข้ามาเกี่ยวพันด้วยอย่างแน่นอน เพราะการยืนปิดที่ระดับ 1.71 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 8.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90 ล้านบาท อาจเป็นระดับที่ดูแล้วว่า ขึ้นแรง! แต่ถ้าย้อนกลับไปดูการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วงครึ่งเดือนจะเห็นว่า หุ้นขึ้นมาแล้ว 210% แบบนี้..คุณ ๆ ท่าน ๆ มีความคิดเห็นอย่างไร? และหุ้นยังมีโอกาสไปต่อไหม?..อิอิอิ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงหุ้นเสื้อผ้านักกีฬา WARRIX เสียหน่อย เพราะอาการเด้งปรู๊ดขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.30 บาท บวกไป 0.82 บาท หรือขึ้นไป 23.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 128 ล้านบาท มันเป็นเกมที่เร่าร้อนสำหรับหุ้นที่ต้องเร่งทำผลงานให้กลับมาดีดังเดิม แต่ถ้ามองในมุมของการเก็งกำไรเป็นหลัก ก็เป็นจังหวะของเหล่าผู้กล้าที่จะเข้าไปลุยแบบสุดซอย เพราะตอนทำไอพีโอเขาขายกันที่ 6.30 บาท (มันเกี่ยวกันไหม?) นะนายจ๋า!
โมนิก้า: และทีมงาน