จับตาหุ้นที่ยังไม่ Cover Short

วานนี้ดัชนีตลากหลักทรัพย์ฯ เพิ่ม 9.71 จุด ปิด 1,337.83 จุด และเป็นการปิดบวกวันที่ 4 ติดต่อกัน หรือรวมสี่วัน (ทำการ) ดัชนีขึ้นมาแล้ว 47.99 จุด


วานนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่ม 9.71 จุด ปิด 1,337.83 จุด และเป็นการปิดบวกวันที่ 4 ติดต่อกัน

หรือรวมสี่วัน (ทำการ) ดัชนีขึ้นมาแล้ว 47.99 จุด

เมื่อเข้าไปดูว่าระหว่างนักลงทุนสถาบันของไทย กับต่างชาติซื้อขายกันอย่างไร

พบว่าต่างชาติ ซื้อสุทธิมาแล้วสี่วันต่อเนื่องรวมเกือบ 4.5 พันล้านบาท

ส่วนนักลงทุนสถาบันของไทยซื้อสุทธิประมาณ 4.2 พันล้านบาท

สะท้อนให้เห็นว่า เริ่มเห็นแรงสะสมหุ้นจากนักลงทุนทั้งสองกลุ่มที่จับมือกันซื้อหุ้นไทย โดยกลุ่มหุ้นที่เข้ามาลงทุน ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในกลุ่ม SET50

และในกลุ่ม SET50 แบ่งออกมาเป็นกลุ่มหุ้นที่เข้าซื้อ เช่น ธนาคาร ไฟฟ้า สื่อสาร โรงพยาบาล

เช่น BBL KBANK SCB KTB GULF INTUCH BDMS BCH

ส่วนหุ้นขนาดกลางยังพบว่า มีการเข้ามาเก็บในกลุ่มไฟแนนซ์ทั้ง MTC SAWAD และ TIDLOR

หากดูสัญญาณทางเทคนิคของกราฟ SET จะเห็นว่า ดัชนีวานนี้ได้ผ่านและขึ้นมาปิดเหนือแนวต้านสำคัญ 1,330 จุดได้

การปิดเหนือ 1,330 จุด ให้แนวแนวต้านดังกล่าว พลิกกลับมาเป็นแนวรับ

หากวันนี้ดัชนียังบวกต่อได้

จะมีแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,345 จุด และมีแนวต้านใหญ่ที่ระดับ 1,380 จุด

และแนวต้านระดับจิตวิทยาคือ 1,400 จุด

โดยระดับ 1,400 จุด +/- ยังคงเป็นเป้าหมายสิ้นปีของบรรดาบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งที่คาดกันไว้

มีประเด็นที่น่าสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศที่ซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง

นั่นคือ ที่ผ่านมาต่างชาติคือกลุ่มนักลงทุนทำธุรกรรม “ชอร์ตเซล” เป็นหลัก และมีหุ้นจำนวนมากที่ยังไม่ได้ซื้อคืนหรือการทำ Cover Short นั่นแหละ

เช่น TTB AWC BEM BTS WHA AOT PTT และอีกหลายหุ้น

เพราะข้อมูลตจากตลาดหลักทรัพย์ฯ บอกว่า หุ้นเหล่านี้ยังมีปริมาณการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืนอีกจำนวนมาก

ขณะที่ราคาหุ้นเหล่านี้เริ่มขยับขึ้นมาเรื่อย ๆ

ทำให้สงสัยว่า เมื่อราคาหุ้นขยับขึ้นที่ไม่ได้มาจากการทำ Cover Short 

แล้วเหตุใดกลุ่มที่ทำชอร์ตเซลถึงยังชิลล์ ๆ ที่จะยังไม่ซื้อหุ้นคืน เพราะอย่าลืมว่า  ยิ่งราคาหุ้นที่ตนเองทำชอร์ตไว้ ขึ้นมามากเท่าไหร่ โอกาสการทำกำไรจะลดลงมากเท่านั้น

หรือพวกเขาอาจจะประเมินแล้วว่า การขึ้นรอบนี้อาจจะเป็นไปอย่าง “จำกัด” 

และราคาไม่น่าจะขึ้นมาใกล้เคียงกับที่พวกเขาเริ่มทำการขายชอร์ตกันไว้

ยกตัวอย่าง TTB ที่ราคาลงมาจาก 1.90 บาท จากการถูกทำชอร์ตเซล ล่าสุดราคาวิ่งขึ้นมาแล้ว 1.80 บาท ที่เป็นแนวต้านพอดี ก่อนจะย่อตัวลงมาปิด 1.79 บาท

สำหรับ TTB มีจำนวนหุ้นที่ยังไม่ได้ซื้อคืนเกือบ 500 ล้านหุ้น

หรือ AWC มีจำนวนหุ้นที่ยังไม่ได้ซื้อคืนเกือบ 400 ล้านหุ้น

ปัจจุบัน ราคาอยู่ที่ 3.32 บาท แต่ช่วงราคาที่ถูกขายชอร์ตลงมา น่าจะอยู่เหนือกว่าราคาดังกล่าว ซึ่งอาจจะสูงกว่า 4.00–4.50 บาท ซึ่งยังห่างกันอยู่พอสมควร (ราคาที่ขายชอร์ตกับล่าสุด)

อีกหุ้นที่น่าสนใจคือ SIRI มีจำนวนหุ้นที่ยังไม่ได้ซื้อคืนเกือบ 100 ล้านหุ้น

แต่ราคาหุ้นล่าสุดขึ้นมาที่ 1.73 บาท (ราคาที่ขายชอร์ตน่าจะอยู่สูงกว่านี้)

ความใจเย็นของกลุ่มนักลงทุนที่ขายชอร์ตแล้วยังไม่ได้ซื้อคืน

ทำให้หากมองในด้านลบได้ว่า หรือพวกเขาจะมองว่า ราคาอาจจะปรับลงมาอีกได้ โดยในช่วงเวลานี้ เล่นรอบทำกำไรกันสนุกสนานไปก่อน

หรืออีกแนวทางหนึ่ง หากเห็นว่า ราคาหุ้นขึ้นมาสูงเกินไป

อาจจะถือโอกาสขายชอร์ต (เพิ่ม) เพื่อกดราคาหุ้นลงมา

หลังจากนั้นค่อยมาซื้อคืน

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button