หุ้นโต..ตัวเล็ก

หลังจากเดี๊ยนไปจุ้นจ้านเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นโดยตรงมาระยะหนึ่ง วันนี้ก็ได้โอกาสกลับมาเม้าท์ถึงเรื่องตลาดหุ้นแบบเต็ม ๆ


หลังจากเดี๊ยนไปจุ้นจ้านเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นโดยตรงมาระยะหนึ่ง วันนี้ก็ได้โอกาสกลับมาเม้าท์ถึงเรื่องตลาดหุ้นแบบเต็ม ๆ และข้อมูลที่ “โมนิก้า” อยากจะหยิบยกขึ้นมาเม้าท์มากสุดก็เป็นเรื่องหุ้นโตที่มีมากมายหลายตัว แต่ในที่นี้จะขอเม้าท์ถึงเฉพาะหุ้นตัวเล็ก เพราะเป็นอีกหนึ่งสตอรี่ที่น่าติดตามในจังหวะที่หุ้นใหญ่พาเหรดกันขึ้นยกแผงไปแล้ว เดี๊ยนเลยเชื่อว่า หุ้นโตตัวเล็กเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามพะย่ะค่ะ

นอกจากนี้ “โมนิก้า” ก็เข้าใจว่า นักลงทุนคงมีหุ้นใหญ่ติดพอร์ตไว้แล้วบางส่วน จึงขอเอาพื้นที่ตรงนี้มาให้กับหุ้นนอกกระแสดีกว่า เพราะมองในมุมไหน ด้านไหน ผู้รู้ทุกท่านก็พูดไปในทางเดียวกันว่า หุ้นไทยมีโอกาสวิ่งทะลุ 1,350 จุดค่อนข้างสูง และสามารถคาดหวังดัชนีขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้อีกด้วยแบบนี้ น่าจะสื่อให้ทุกคนได้รู้ว่า ต้องอาศัยหุ้นใหญ่เป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญเจ้าค่ะ

ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่รู้สึกกังวลเมื่อเห็นดัชนี “แกว่งไป แกว่งมา” ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,341.03 จุด บวกไป 3.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.84 หมื่นล้านบาท เพราะคนในตลาดหุ้นมีความเชื่อไปในทางเดียวกันว่า หุ้นไทยไปต่อ! เพราะมีกองทุนวายุภักษ์รออยู่ และยังมีกองทุน TESG เป็นแรงเสริม ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันเข้ามากว้านซื้อหุ้นกันอย่างคึกคักในช่วงที่ผ่านมาไงล่ะคะ

สำหรับรายแรกที่อยากจะเอ่ยถึงก็คือ SAV ซึ่งเป็นหุ้นที่ทำผลงานไตรมาส 2 โต 40% และตัวเลขกำไรในครึ่งปีแรก 67 ก็ไล่ขึ้นมาใกล้จะเท่ากับกำไรทั้งปี 66 แต่นักลงทุนก็ไม่เหลียวแลเท่าที่ควร หรือมองในแง่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่อยู่ในระดับ 3.50% ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจเหมือนกัน เดี๊ยนเลยอยากถามแฟน ๆ ว่า การยืนปิดที่ระดับ 20.20 บาท โดยครั้งก่อนหุ้นขึ้นไปแตะระดับ 25 บาทน่าสนใจแค่ไหนจ้า!

เช่นเดียวกับในรายของ ASW ภายใต้การกุมบังเหียนของคุณน้อง “กรมเชษฐ์” ก็โชว์ผลงานไตรมาส 2 ด้วยการทำกำไรโตถึง 270% แต่ราคาหุ้นกลับซึมลงมาเรื่อย ๆ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะทุกคนกังวลเรื่องเศรษฐกิจจะมากระทบกับความสามารถในการทำกำไรในอนาคต จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการถอยรับไปโดยปริยาย เพราะเมื่อดูราคาปิดที่ระดับ 7.45 บาท เทียบกับ PE 4.50 เท่า และยังมีเงินปันผลที่ระดับ 3.30% น่าสนใจไหมจ๊ะ

หุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจในแง่ของการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจที่หลายคนเชื่อว่าจะดีขึ้น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นป้ายโฆษณาอย่าง PLANB เป็นลำดับถัดมา ยิ่งมองจากตัวเลขไตรมาส 2 ที่ยังทำกำไรได้โต 16% ยิ่งทำให้เห็นธุรกิจโฆษณา “อินดอร์ เอาท์ดอร์” ยังขยายตัวได้ดี ซึ่งทำให้การยืนปิดที่ระดับ 7.05 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27 ล้านบาท เทียบกับเป้าหมายที่โบรกฯ เคยให้ไว้แถว 10 บาท โดนใจอย่างแร๊ง!

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น  SFLEX ก็เป็นหุ้นที่ทำกำไรต่อเนื่อง 7 ไตรมาส และปีนี้ก็มีแนวโน้มที่กำไรจะนิวไฮอีกด้วย “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 3.44 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.60 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 12.50 เท่า เหมาะต่อการทยอยเก็บทุกประการ เพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ราคาหุ้นไม่ได้ไปต่อ จึงอยากให้แฟนคลับชำเลืองมองไว้บ้างจ๊ะ

เช่นเดียวกับในรายของ TGE ก็เป็นหุ้นที่ทำผลงานดีต่อเนื่อง และในปีหน้าก็ยังโตต่อ แต่บรรยากาศตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยดี จึงกลายเป็นหุ้นที่โดนรินออกมาเรื่อย ๆ ขณะที่วานนี้หุ้นยืนอยู่ที่ระดับ 2.46 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางเฉียบแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่เหมาะสำหรับคนที่เน้นลงทุนระยะยาว เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่รอบของหุ้นตัวนี้ค่ะ

ตบท้ายกันที่น้องของขวัญ GIFT ซึ่งเป็นหุ้นอีกตัวที่ทำผลงานดีวันดีคืนต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากไตรมาส 2 ปี 66 มีกำไรแค่ 1.50 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 67 กำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 28 ล้านบาท จนแมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า ปีนี้กำไรมีสิทธิ์ทะลุร้อยล้าน จึงกลายเป็นหุ้นที่เดี๊ยนให้ความสนใจ หลังหุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 4.10 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 15 ล้านบาท เพราะเหมือนมีคนเริ่มเก็บหุ้นอีกครั้งน่ะซี

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button