Negative Income Tax ความท้าทายรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง.!

กลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” อย่างยิ่ง.!?.กับแนวคิดและข้อเสนอแนะของ “ดร.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี


กลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” อย่างยิ่ง.!?.กับแนวคิดและข้อเสนอแนะของ “ดร.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่คิดดังพูดดังผ่านงาน Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 ว่าด้วยเรื่อง Negative Income Tax หรือการขยายฐานภาษีให้มีผู้เสียภาษีเพิ่มขึ้น ด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือให้ผู้ที่มีเงินได้ต่ำกว่าเกณฑ์กล่าวคือหากใครที่มีรายได้น้อย นอกจากจะไม่ต้องเสียภาษีแล้ว ยังได้เงินช่วยเหลือด้วย เพื่อจูงใจดึงคนเข้าสู่ระบบภาษี..

สำหรับ Negative Income Tax หรือ ภาษีเงินได้แบบติดลบ เป็นนโยบายให้เงินช่วยเหลือบุคคล ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ถูกคิดค้นและนำเสนอเป็นครั้งแรกช่วงปี ค.ศ. 1962 โดยศาสตราจารย์ Milton Friedman นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์

แนวคิดของ Negative Income Tax ถูกเสนอขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้อย่างไม่เท่าเทียมกัน นั่นหมายถึงคนที่ทำงานแต่มีรายได้น้อยควรได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากรัฐ เริ่มจากการกำหนดระดับรายได้พื้นฐานขั้นต่ำ หากบุคคลใดมีรายได้น้อยกว่าระดับนี้ รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยส่วนที่ขาด เพื่อให้รายได้ของพวกเขาเหล่านั้นเพิ่มขึ้นถึงระดับขั้นต่ำได้

ช่วงทศวรรษ 1960-1970 มีการทดลองโครงการ Negative Income Tax ในหลายรัฐของสหรัฐฯ ผลการทดลอง พบว่า มีประชาชนเริ่มลดชั่วโมงการทำงานของตัวเองลง สื่อถึงผู้คนเริ่มรู้ว่า ทำงานน้อยก็ได้ เพราะมีเงินชดเชยจากรัฐเข้ามาช่วย จึงเป็นประเด็นที่ทำให้โครงการนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางมากขึ้น

หลักการของ Negative Income Tax รัฐบาลจะมีการกำหนดระดับรายได้พื้นฐาน “ขั้นต่ำ” ที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต ตัวอย่างเช่น “รายได้ 20,000 บาทต่อเดือน” หากบุคคลใดมีรายได้น้อยกว่าระดับนี้ รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ เพื่อให้รายได้ของบุคคลนั้นถึงระดับที่กำหนด นั่นหมายถึงหากบุคคลมีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือนรัฐบาลอาจต้องจ่ายเพิ่ม 5,000 บาท เพื่อให้รายได้รวมเป็น 20,000 บาท และเมื่อรายได้ของบุคคลเพิ่มขึ้น การชดเชยจากรัฐบาลจะลดลงตามสัดส่วน จนกระทั่งรายได้ถึงระดับที่กำหนดและไม่ต้องการการชดเชยอีกต่อไป

สำหรับ “ข้อดี” คือ “ลดความยากจน” เพราะมีการสนับสนุนรายได้พื้นฐานให้ผู้ที่มีรายได้น้อย, กระตุ้นแรงจูงใจการทำงาน โดย Negative Income Tax ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้คนทำงานมากขึ้น แม้มีรายได้น้อยยังได้รับการชดเชยจากรัฐบาลต่างจากระบบสวัสดิการบางประเภท

“ลดความเหลื่อมล้ำ” ด้วยการให้ความช่วยเหลือที่เป็นกลาง ไม่แบ่งแยก หรือสร้างภาพลักษณ์ในแง่ลบต่อผู้ที่ได้รับการสนับสนุน เนื่องจากทุกคนสามารถได้รับการชดเชยตามรายได้ของตนเอง ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในสังคมโดยทำให้คนที่มีรายได้น้อยสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้

ที่สำคัญสามารถปรับระดับการชดเชยตามสภาวะเศรษฐกิจและระดับรายได้ของประชาชน ทำให้ระบบสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้ดีกว่าระบบสวัสดิการที่เป็นแบบคงที่

อย่างไรก็ดี “ข้อเสีย” จะทำให้ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสูงขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องหาเงินจำนวนมาก เพื่อใช้สำหรับจ่ายชดเชยรายได้ ระยะสั้นอาจเป็นภาระทางการคลังค่อนข้างมาก และเกิดความเสี่ยงลดแรงจูงใจการทำงาน บางคนอาจรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำงานหนักหรือทำงานเพิ่ม เพราะรู้ดีว่ารัฐบาลจะชดเชยรายได้

ตามด้วยเรื่องการบริหารจัดการซับซ้อน การกำหนดระดับรายได้ขั้นต่ำและจัดการระบบชดเชยต้องการการบริหาร จัดการที่มีประสิทธิภาพ อาจเป็นเรื่องซับซ้อนและยากต่อการดำเนินการ โดยเฉพาะประเทศที่ยังไม่มีระบบภาษี และการจัดการสวัสดิการที่เข้มแข็งเพียงพอ

นั่นจึงทำให้การกำหนดระดับรายได้ขั้นต่ำที่เหมาะสมสำหรับ Negative Income Tax จึงเป็นเรื่องท้าทายของรัฐบาลอย่างยิ่ง หากกำหนดต่ำเกินไปอาจไม่เพียงพอสำหรับการแก้ปัญหาความยากจน ในทางกลับกันหากกำหนดสูงเกินไป อาจเป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจและรัฐบาลได้

สำหรับประเทศที่มีการดำเนินนโยบาย Negative Income Tax โดยใช้ชื่อเรียกขานที่แตกต่างกันไป เริ่มจากสหรัฐอเมริกา, อิสราเอล, เกาหลีใต้และสวีเดน เรียกว่า Earned Income Tax Credit (EITC), ออสเตรเลีย เรียกว่า Family Tax Benefit (FTB), นิวซีแลนด์ เรียกว่า Independent Earner Tax Credit (IETC), สิงคโปร์ เรียกว่า Workfare Income Supplement (WIS), แคนาดา เรียกว่า Working Income Tax Benefit (WITB) และสหราชณาจักร Working Tax Credit (WTC)

ส่วนประเทศไทย จะมีการใช้ Negative Income Tax ได้หรือไม่.! ต้องดูที่รัฐบาลเป็นปฐมบทก่อนกว่าจะมีการบรรจุเรื่องนี้ไว้ในนโยบายหรือไม่..เพราะนั่นจะบ่งชี้ว่าอย่างน้อยเราได้เริ่มนับหนึ่งกันแล้ว..!!!

สุภชัย ปกป้อง

Back to top button