เห่อโทนี่ ?

ต้องบอกว่าตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ ทำเอานักลงทุนทั้งรายเล็กรายใหญ่ยิ้มแก้มปริฉีกไปถึงรูฮู้ เพราะดัชนีหุ้นบ้านเราบวกสวนตลาดหุ้นชาวบ้านชาวช่องปิดบวกไป 13.84 จุด เรียกว่าพาดัชนีหุ้นไทยยืนเหนือ 1,354.87 จุด ได้แบบสวย ๆ ซึ่งมาพร้อมกับวอลุ่มการซื้อขายถึง 6.25 หมื่นล้านบาท แถมคนที่ซื้อหุ้นไทยแบบจุก ๆ ยังเป็นฝรั่งหัวทองที่ซื้อสุทธิถึง 2.84 พันล้านบาทเลยเจ้าค่ะ

งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ “โทนี่ วู้ดซัม” หรือที่เรา ๆ รู้จักในชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เดี๊ยนเองต้องยอมรับว่า มนต์ขลังของเขายังไม่เสื่อมคลาย หลังเดี่ยวไมโครโฟนในงาน Diner Talk โชว์วิสัยทัศน์ปัญหาเศรษฐกิจ และสิ่งที่ต้องก้าวต่อไป เรียกว่างานนี้ทำเอาต่างร้อง ว๊าว ว๊าว ว๊าววว กับแนวคิดและวิธีแก้ไขปัญหา ทั้งที่เป็นเรื่องที่อดีตนายกฯ “เสี่ยนิด” เคยอธิบายแล้ว แต่ยังไง๊ ยังไง ก็ไม่มีใครเข้าใจค่ะ

ครั้นอีตา “โทนี่ วู้ดซัม” สาธยายเท่านั้นแหละ ทุกคนต่างร้องอ๋อ!! แถมบรรดานักวิเคราะห์ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่หุ้นขึ้นมา 13 กว่าจุด ก็เพราะการร่ายมนต์ จนนักลงทุนมั่นใจกลับมาซื้อหุ้นไทยกันคึกคัก เรียกว่า 17 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้ก็เป็นอย่างนั้น เหมือนกับ “ดาวฤกษ์” ที่ไม่ว่าจะนานเท่าไรก็ยังสว่างไสวอยู่เสมอนะตัวเอง

หนึ่งกลุ่มที่ดี๊ด๊ารับแนวคิดก็คือ “กลุ่มแบงก์” ต่างตอบรับแนวคิดการปรับโครงสร้างหนี้ โดยขอให้แบงก์ชาติลดจำนวนเงินประกันเงินฝากที่บรรดาธนาคารพาณิชย์ต้องนำส่ง เพื่อเอาเงินส่วนนี้ไปลดดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อให้คนตัวเล็กหายใจได้คล่องขึ้น งานนี้เลยทำเอาหุ้นกลุ่มนี้บวกกันคนละ 2-3% ไม่ว่าจะเป็น BBL SCB KTB และ KBANK ราคากลับมาทะยานทะลุแนวต้านกันถ้วนหน้า แถมวอลุ่มแน่น ๆ กันเลยนะเจ้าคะ

ส่วนอีกรายที่ดูไม่ค่อยสุขสมอารมณ์หมายสักเท่าไร ก็คงเป็น BEM เพราะกลายเป็นหุ้นที่ปิดลบสวนตลาด ราคาร่วงถึง 3.80% พร้อมด้วยแรงขายสูงถึง 1.17 พันล้านบาท งานนี้สงสัยนักลงทุนจะแพนิกแนวคิดของ “โทนี่ วู้ดซัม” ที่ประกาศว่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายยังไงก็ต้องเกิดให้ได้ แต่รัฐต้องเวนคืนสัมปทาน แล้วจ้างเอกชนมาบริหารแบบนี้ “โมนิก้า” ขอบอกไว้ก่อนว่า เรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทำเสร็จในเวลาอันใกลันี้ เพราะผู้รับสัมปทานแต่ละเจ้าก็มีของพอตัว

ส่วนหุ้น JMT ดีดขึ้นแรงนำกลุ่ม “ตระกูลเจ” หลังถูกมองว่ากำไรครึ่งปีหลังจะโดดเด่นตามยอดหนี้ที่เก็บได้มากขึ้น ส่วนจะเกี่ยวข้องกับ “เงินดิจิทัล” มากน้อยขนาดไหน? คงต้องดูเงื่อนไขจ่ายเงินสดสามารถช่วย “กลุ่มเปราะบาง” มีเงินมาใช้หนี้มากขึ้นจริงไหม? และเมื่อดูบนพื้นฐาน จะเห็นว่าการยืนปิดที่ระดับ 15.50 บาท บวก 1 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 751 ล้านบาท ควรเกิดขึ้นตั้งนานแล้วค่ะ

ด้าน HMPRO เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของราคาหุ้นชัดเจนหลังหลุด 8 บาทไปไม่กี่วันก่อน จากความคาดหวังว่ากำไรครึ่งปีหลังสดใสขึ้นจากแผนขยายสาขาใหม่ แถมยังมองว่าได้อานิสงส์จากน้ำท่วมหนุนยอดขายทางภาคเหนือเพิ่ม เป็นเหตุให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 9.10 บาท บวก 0.60 บาท หรือบวกไป 7.06% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.13 พันล้านบาท ทำนิวไฮในรอบเกือบ 1 เดือนไปแบบสวย ๆ ยังไงล่ะจ๊ะ

ตบท้ายกันที่เผือกร้อนที่เกิดขึ้นกับราคาหุ้น EA กันดีกว่า เพราะการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงกว่า 80% ในช่วง 5-6 วันทำการที่ผ่านมา มันทำให้หน่วยข่าวกรองของเดี๊ยนเช็กข่าวกันเป็นระวิง และในที่สุดก็ได้ความว่า มีขบวนการปล่อยข่าวอุตลุดไปหมด อย่างเช่น บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่เข้ามาเทกโอเวอร์ ขณะที่บางกระแสก็เมาท์ไปถึงขั้นโทนี่มาเอง! แต่ที่หนักข้อสุดลือกันไปถึงขั้นที่ว่า “ปูนใหญ่” จะซื้อที่หุ้นละ 10 บาทแบบนี้..เว่อร์ไปหรือเปล่าน้อง!

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องร้อยท่อต่อสายตรงไปยังบุคคลที่ถูกพาดพิง เพื่อต้องการให้ความจริงปรากฏต่อสาธารณชน และคำตอบที่ได้รับจากบุคคลต่าง ๆ ที่ถูกเอาไปแอบอ้างก็คือ ไม่มีมูลความจริงอะไรสักอย่าง และเรื่องนี้น่าจะเป็นผลมาจากขาใหญ่ต้องการสร้างกระแสให้นักลงทุนกลับมาช่วยยกหุ้นอีกรอบพะย่ะค่ะ

ทั้งหมดทั้งปวงเป็นเพียงวิธีการคลาสสิกที่เรียกว่า “ปล่อยข่าวออกของ” โดยว่ากันว่าต้นตอของเรื่องคือ “เสี่ย ป.” ซึ่งเป็นจอมสร้างกระแสมาแต่ไหนแต่ไร และตัวเองก็มาเจ็บหนักจากราคาหุ้น EA ร่วงเป็นนกปีกหัก..มิหนำซ้ำยังถูกเซียนพระชื่อดังระดับประเทศจากปากน้ำโพ และเป็นเด็กในคาถาที่ไว้ใจชักดาบหนี้หลายร้อยล้านซะอย่างนั้น! เสี่ยเลยเกิดอาการเลือดเข้าตา เพราะร้อนเงินอย่างหนัก..แถมหุ้นก็ยังไม่ได้ขายแบบนี้..เซ็งเป็ดสิคะ

สุดท้ายนี้ “โมนิก้า” คงทำได้แค่เพียงมอบความหวังดีให้กับมิตรรักแฟนเพลงทุกคน เพราะงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา และเมื่อไหร่ที่เสี่ยปล่อยของออกได้หมด และข่าวลือทั้งหลายไม่จริง ก็มีสิทธิ์ได้เห็นคนร้องโอดโอยกันระงมอีกครา..อิอิอิ

โมนิก้า: และทีมงาน