WARRIX ชวนกลิ่นโชย.!

จากมหกรรมฟุตบอลยูโร 2024 ต่อด้วยมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 ฉุดให้กระแสกีฬาในบ้านเรากลับมาคึกคักอีกครั้ง แน่นอนว่าหุ้น WARRIX ย่อมได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ


จากมหกรรมฟุตบอลยูโร 2024 ต่อด้วยมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 ฉุดให้กระแสกีฬาในบ้านเรากลับมาคึกคักอีกครั้ง แน่นอนว่าหุ้นบริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬาในประเทศและต่างประเทศ ย่อมได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ..!!

ท่ามกลางเซนติเมนต์เชิงบวก จู่ ๆ ก็มีธุรกรรมแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับ WARRIX เมื่อ “วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล” ซึ่งเป็นทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2567 ได้ขายหุ้นจำนวน 14.94 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.49% ให้กับบริษัท ไฮ-เทค แอพพาเรล จํากัด

โดยเป็นการขายนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ราคาหุ้นละ 3.48 บาท คิดเป็นดิสเคานต์ราคาในกระดานประมาณ 21% (วันที่ 21 ส.ค. 2567 ราคาปิดตลาดฯ อยู่ที่ 4.44 บาท)

ขณะเดียวกัน ก็ตีฆ้องร้องป่าวว่าหุ้นของ “วิศัลย์” ที่นำไปตึ๊งไว้ อุ๊ย…นำไปจำนำเพื่อเป็นหลักประกันเงินกู้ไว้กับคัสโตเดียน หายไป 15 ล้านหุ้น ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีการผิดนัดชําระเงินกู้เลยนะ จึงได้บอกล้างโมฆียกรรมการกู้ยืมเงินดังกล่าว และอยู่ในระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายเพื่อติดตามหุ้นที่หายไป และให้คัสโตเดียนส่งมอบคืนหุ้นที่ฝากไว้เป็นหลักประกันคืนทั้งหมด ซึ่งเหลืออยู่ 105.21 ล้านหุ้น โดยได้ขอคำสั่งศาลอายัดหุ้นดังกล่าวไว้แล้ว

อกอีแป้นจะแตก มีเรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นด้วยหรือเนี่ย..?? ไม่อยากจะเชื่อเลย ให้ตายสิโรบิน..!!!

โอเค…เรื่องหุ้นล่องหนคงต้องไปพิสูจน์ทราบกันต่อไป…แต่กรณีจะฟ้องร้อง “คัสโตเดียน” และขออายัดหุ้น WARRIX ส่วนที่คัสโตเดียนครอบครองอีก 105.21 ล้านหุ้น จะดำเนินการได้หรือเปล่า..?? อันนี้น่าคิด

เนื่องจาก “คัสโตเดียน” จะอยู่ต่างประเทศ แล้วกฎหมายไทยจะไปบังคับใช้กับคัสโตเดียนในต่างประเทศได้ป๊ะเนี่ย..??

อ๋อ…กรณีที่มีชื่อ DB AG SG DCS CLT ACC FOR SAFARI ASIA LIMITED โผล่มาถือหุ้นอันดับ 2 จำนวน 105.21 ล้านหุ้น คิดเป็น 17.54%…อันนี้จะเป็น “คัสโตเดียน” ที่ “วิศัลย์” กล่าวถึงหรือเปล่า..?? ก็ไม่รู้สินะ

แต่เรื่องทั้งหมดต้องกลับไปสู่สารตั้งต้น ทำไม “วิศัลย์” ต้องเอาหุ้นของตัวเองไปตึ๊งกับคัสโตเดียนด้วยล่ะ..?? บ่เข้าใจ๋ ๆ

จะว่าร้อนเงิน…ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าดูจากการที่ WARRIX ประกาศจ่ายปันผลงวดปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.1025 บาท ซึ่งจ่ายไปเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2567 นั่นเท่ากับว่า “วิศัลย์” เพิ่งได้รับเงินปันผลราว 32.99 ล้านบาท เข้ากระเป๋า จากการถือหุ้นจำนวน 321.83 ล้านหุ้น คิดเป็น 53.64%

เอ๊ะ…หรือมีความจำเป็นเร่งด่วนอะไรหรือเปล่า..??

ที่แน่ ๆ ผู้ถือหุ้น WARRIX คนอื่น ๆ ไม่ได้ประโยชน์จากธุรกรรมนี้…มีแต่ “วิศัลย์” นั่นแหละที่ได้ประโยชน์…

ส่วนกรณีการขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่ฉงนสนเท่ห์ของคนในแวดวงตลาดทุน เพราะโดยปกติถ้าจะขายหุ้นให้ได้ประโยชน์ทางภาษี ต้องขายบิ๊กล็อตในกระดาน ซึ่งไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่สตางค์แดงเดียว แต่ทำไม “วิศัลย์” จึงขายหุ้นนอกตลาดฯ แทนที่จะขายบิ๊กล็อตในกระดาน เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางภาษี…แถมยังให้ดิสเคานต์ตั้ง 21% อีกต่างหาก…ทำไมใจดี๊ใจดีขนาดนั้น..??

ล่าสุด WARRIX แจ้งข้อมูล (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมว่า “ธุรกรรมขายหุ้นของ “วิศัลย์” ทำรายการผ่านศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD”

ผู้สันทัดกรณีตั้งข้อสังเกตว่า..กรณี “วิศัลย์” ขายหุ้น WARRIX ให้ “ไฮ-เทค แอพพาเรล” ผ่าน TSD แบบนี้ เสมือนเป็นการ “ถูกบังคับขาย” หรือไม่..?

อุ๊ต๊ะ..ถ้าเป็นจริงละก้อ..ไม่อยากนึกภาพเลย..เละ ๆ ๆ ๆ

แต่ไม่จบแค่นั้น ยังมีข้อเท็จจริงที่ว่า มีหุ้น WARRIX ที่ถูกนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอบัญชีมาร์จิ้นกับโบรกเกอร์อีกก้อน 142.76 ล้านหุ้น แต่ไม่ปรากฏชัดเป็นหุ้นของใครบ้าง ซึ่งไม่น้อยนะ คิดเป็นสัดส่วน 23.79% เลยทีเดียว

สมมตินะสมมติ ถ้าหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นของ “วิศัลย์” ทั้งก้อน ก็เกือบทั้งหมดของหุ้นที่ถืออยู่เลยนะนั่น…

ส่วนจะใช่หรือไม่ใช่…อีกไม่นานคงได้รู้กัน

ที่จริง บทเรียนบัญชีมาร์จิ้นก็เห็นกันอยู่ทนโท่…ไล่มาตั้งแต่กรณี “ชูเกียรติ รุจนพรพจี” กับบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY, “คณิสสร์ ศรีวชิระประภา” หรือชื่อเดิม Lin Kenuo (หลิน เข่อนัว) กับบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX, “แดน ปฐมวาณิชย์” กับบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF และ “ธนัช จุวิวัฒน์” กับบริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG ซึ่งแต่ละรายศพไม่สวยสักคน..!?

ส่วน “วิศัลย์” จะลงเอยอย่างนั้นหรือเปล่า..?? ไม่รู้ ๆ ๆ ๆ

…อิ อิ อิ…

Back to top button