หุ้นหวานชื่น!
ประเด็นที่จั่วหัวข้างต้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง “น้ำตาล” หรือ “เครื่องดื่ม” ที่ให้ความหวานสดชื่น เพราะสิ่งที่ต้องการสื่อสารกับทุกคนคือ บรรยากาศการลงทุนที่คึกคักในช่วงนี้
ประเด็นที่จั่วหัวข้างต้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง “น้ำตาล” หรือ “เครื่องดื่ม” ที่ให้ความหวานสดชื่น เพราะสิ่งที่ต้องการสื่อสารกับทุกคนคือ บรรยากาศการลงทุนที่คึกคักในช่วงนี้เป็นผลมาจากข่าวดีที่พรั่งพรูเข้ามาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้เงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนหวนเข้ามาเล่นเก็งกำไรอีกรอบนะจ๊ะ
นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการผลักดันกองทุนวายุภักษ์ และกองทุน TESG ซึ่งงกลายเป็นตัวเร่งให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาไล่เก็บหุ้นแบบต่อเนื่อง และประเด็นดังกล่าวก็ทำให้โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มองตลาดหุ้นไทยในมุมบวกแบบสุดซอยเช่นกัน พร้อมกับเคาะเป้าดัชนีในไตรมาส 3 มีสิทธิ์ทะลุ 1,400 จุดกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วตื่นเต้นเร้าใจสุด ๆ ในห้วงเวลานี้พะย่ะค่ะ
ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ก็อยากให้นักลงทุนหยุดคิดสักนิดหนึ่งว่า “ความฝัน” กับ “ความจริง” มันต่างกันมากเหลือเกิน และเรื่องนี้ก็มีเดิมพันในระยะเวลา 3 เดือน (ตลาดหุ้นมักวิ่งล่วงหน้าก่อนเสมอ) ซึ่งจะได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นลมปากของผู้มากอำนาจอย่าง “โทนี” ยังคงมีมนต์ขลังขนาดไหน? ขณะเดียวก็เป็นการตั้งคำถามให้นักลงทุนได้คิดว่า การยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,364.81 จุด บวกไป 9.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.73 หมื่นล้านบาท เสี่ยงไหมเอ่ย?
โดยเฉพาะในรายของ BEM ที่มีข่าวดีออกมาเป็นระลอก และผลงานไตรมาส 2 ก็ยังโตดี แต่ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นยังไม่สามารถฝ่าแนวต้าน 8 บาทขึ้นไปได้สวย ๆ สักที “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนประเมินการยืนปิดที่ระดับ 7.95 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 704 ล้านบาท มีลุ้นไปต่อยาว ๆ มากแค่ไหน? เพราะราคาหุ้นควรผ่านจุดนี้ไปตั้งนานแล้วน่ะซี
ส่วนรายที่คัมแบ็คอย่างหวือหวาเร้าใจ “โมนิก้า” ขอยกให้กับหุ้น BTS ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นที่โบรกเกอร์แนะนำให้เล่นตามกระแส เพราะผ่านพ้นจุดต่ำสุดของปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.40 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.56 พันล้านบาท น่าจะเป็นภาพสะท้อนสถานการณ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ และถ้ามองราคาเป้าปี 68 ที่อยู่เกินระดับ 6 บาท ก็เป็นช็อตที่น่าเล่นจริง ๆ นะตัวเอง
อีกช็อตที่น่าชำเลืองตามองมากเป็นพิเศษ เดี๊ยนคงให้ความสำคัญกับหุ้นปูนใหญ่ SCC ก่อนใครเพื่อน เพราะการพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 221บาท บวกไป 10 บาท หรือขึ้นไป 4.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 601 ล้านบาท น่าจะเป็นภาพที่ตอกย้ำการกลับมาซื้อของนักลงทุนสถาบันได้เป็นอย่างดี แต่ประเด็นดังกล่าวก็มีเรื่องเดิมพันอยู่ที่กำไรครึ่งปีหลังต้องโต เพราะในช่วงครึ่งปีแรกทำผลงานแย่เหลือเกินจ้า!
ส่วนอีกหนึ่งตัวแรงที่มาแบบปุ๊บปั๊บต้องยกให้ AWC หลังกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.70 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 9.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 675 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่เหนือคาดหมายอย่างมาก แถมก่อนหน้านี้ไม่ได้แสดงอาการเปรี้ยวจี๊ดแบบนี้ เดี๊ยนเลยเดาเกมว่า สถาบันเข้ามาไล่เก็บหุ้นอย่างแน่นอน เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเยอะมากนะจ๊ะ
ส่วนคนที่ชอบความท้าทายเป็นชีวิตจิตใจ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น SABUY เป็นลำดับถัดมา เพราะการพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.76 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 13.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110 ล้านบาท ทั้งที่หลายอย่างยังล่องลอยในอากาศแบบนี้ ย่อมเป็นเกมเสี่ยงที่นักเล่นต้องบริหารกันเอาเอง เพราะในความคิดของอีฉันก็คือ ธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่ต้องทำเงินให้ได้ก่อน..ถ้ายังทำไม่ได้ ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น..อิอิอิ
ตบท้ายกันที่หุ้นร้อนเป็นประจำอีกเช่นเคย ซึ่งเที่ยวนี้ไม่มีใครมีข่าวฉาวเกินไปกว่า WARRIX กันอีกแล้ว เพราะคุณพี่เล่นตะแบงให้รอดไปวัน ๆ ทั้งที่ผู้คนส่วนใหญ่ลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ถูกฟอร์ซเซล! ราคาหุ้นถึงลงเละเทะ แถมคำชี้แจงที่ออกมาแต่ละช็อต ก็ชวนให้สงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ผนวกกับปลายทางเห็นกันอยู่แล้วว่า มีสิทธิ์หมดตูด! (ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามรุ่นพี่ ๆ อย่าง NEX NRF YGG ดูก็ได้) และจะรู้ด้วยตัวเองว่า การยืนปิดที่ระดับ 4 บาท ลบไป 0.58 บาท หรือลงไป 12.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 66 ล้านบาท ลงน้อยไปไหมเจ้าค่ะ
โมนิก้า: และทีมงาน