กองทุนเบาซื้อ

การซื้อ ๆ ขาย ๆ ตลอดวานนี้ทำให้ “โมนิก้า” เข้าใจอะไรหลายอย่างได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหมดโปรฮันนีมูน หรือเรื่องที่ดัชนีบวก 7 วันต่อเนื่อง


การซื้อ ๆ ขาย ๆ ตลอดวานนี้ทำให้ “โมนิก้า” เข้าใจอะไรหลายอย่างได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหมดโปรฮันนีมูน หรือเรื่องที่ดัชนีบวก 7 วันต่อเนื่อง รวมถึงท่าทีของกองทุนชะลอซื้อหุ้น ล้วนเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กันในเชิงแทคติก ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนต้องหันมาดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มีประเด็นไหนที่พอจะช่วยดันให้ดัชนีขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,400 จุดในเร็ววันพะย่ะค่ะ

โดยข้อสรุปในเบื้องต้นที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยตังเองก็คือ รอดูของจริงจะออกมาตรงปกขนาดไหน? เพราะอย่าลืมว่า การทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องของดัชนีในเที่ยวนี้ เกิดจากเม็ดเงินฝรั่งที่หวนกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอีกรอบ โดยสัปดาห์ก่อนซื้อวันละ 2-3 พันล้าน ขณะที่วันจันทร์เหลือซื้อแค่ 500 ล้าน ส่วนวานนี้ก็ซื้อเข้าไปอีกพันล้าน ขณะที่กองทุนสาดหุ้นออกมามากถึงพันล้าน ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้เดี๊ยนเริ่มกังวลนิด ๆ เจ้าค่ะ

เนื่องจากเดี๊ยนเห็นดัชนีจวนเจียน “จะไปแหล่..มิไปแหล่” แต่สุดท้ายก็กลับมาได้ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,364.31 จุด ลบไป 0.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.34 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการเทสแรงขายมีเยอะขนาดไหน? และผลปรากฏออกมาว่า ไม่เยอะเหมือนที่กังวลใจ ซึ่งทำให้การพักตัวของดัชนีเทียวนี้ดูดีเป็นพิเศษ เพราะมันหมายความว่า ฝรั่งยังเชื่อว่า ดัชนียังไปได้ไกลกว่านี้นะจ๊ะ

เหมือนกับในรายของ EA ก็ได้ข้อสรุปเบื้องต้นจาก “แรงซื้อ แรงขาย” ในลักษณะที่ว่า ปัญหาหลายอย่างคลี่คลายไปทีละเปลาะ จึงมีข่าวลือในเรื่องต่าง ๆ ออกมามากมาย “โมนิก้า” เลยมองว่า ถ้าแก้หนี้ได้สำเร็จเรียบร้อย แผนจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานลุล่วง รวมทั้งการหาพันธมิตรใหม่เป็นไปตามแผน ก็จะเห็นว่า การยืนปิดที่ระดับ 7.25 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.68 พันล้านบาทไม่ใช่เรื่องแปลก (บุ๊กตั้ง 10 บาท) ค่ะ

ส่วนที่แปลกของจริงคงเป็น  “เสี่ยโป๋” กระโดดเข้ามาถือหุ้น TAKUNI มากถึง 407.89 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 50.99% ซึ่งสร้างความตกตะลึงให้กับคนในวงการหุ้นอย่างแรง จนตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องขึ้น H ก่อนเปิดเทรด แต่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ! เพราะคำชี้แจงรอบบ่ายกลายเป็นว่า ข้อมูลผิดพลาด เพราะเสี่ยถือหุ้นเพิ่มเป็น 6.24% จากเดิม 2.32% ขณะที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1.21 บาท บวกไป 0.17 บาท หรือขึ้นไป 16.35% ด้วยมูลค่า 139 ล้านบาทซะงั้น!

ในเมื่อเอ่ยถึงหุ้นที่วิ่งแรงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น JMT อีกครั้ง เพราะโดยพื้นฐานถือเป็นหุ้นที่ทำกำไรเสมอต้นเสมอปลายอยู่แล้ว (แม้บางครั้งกำไรจะลดลงไปบ้างก็ตาม) เดี๊ยนจึงเห็นด้วยที่ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 16.40 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 7.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 859 ล้านบาท แถมในช่วงที่ผ่านมา “โทนี” ได้เปรยบนเวทีทอล์กโชว์ว่า แบงก์ควรรวมหนี้ให้บริษัททวงหนี้ เพื่อทำการเจรจากับลูกหนี้ในมูลหนี้ที่ต่ำลงแบบนี้..เข้า TEEN เต็ม ๆ สิคะ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทแม่ JMART รับอานิสงส์จากบริษัทลูกแล้ว ก็ยังมีเรื่องแจกเงินสดที่รัฐบาลต้องการให้ประชาชนไปจับจ่ายใช้สอยซื้อของที่จำเป็น ก็เป็นอีกช็อตที่หุ้นตัวนี้ได้รับผลดีแบบเต็ม ๆ ผนวกกับในช่วงครึ่งปีหลังความสามารถในการทำกำไรจะดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม บรรดาขาลุยเลยกระโจนใส่มือเป็นระวิง จนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ16.30 บาท บวกไป 1.90 บาท หรือขึ้นไป 13.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 810 ล้านบาทไงล่ะคะ

ส่วนรายที่มีข่าวดีซัพพอร์ตเต็ม ๆ จากยอดส่งออกยางในเดือน ก.ค. โตถึง 55% “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น STA เป็นรายแรก เพราะทุกคนรู้ดีว่า นี่คือเจ้าพ่อยางตัวจริงของประเทศไทย และตัวเลขดังกล่าวก็ส่งสัญญาณให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กำไรไตรมาส 3 โตแรงแน่ ๆ วานนี้จึงมีแรงซื้ออัดเข้ามาอย่างหนาแน่นตลอดทั้งวัน จนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 22.30 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 713 ล้านบาทแบบชิล ๆ จ้า!

ตบท้ายกันที่หุ้น TEAMG เพื่อชี้ให้เห็นการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.64 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 316 ล้านบาท น่าจะเกี่ยวข้องกับโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างแน่นอน เพราะผู้บริหารชุดนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องดังกล่าวโดยตรง ผนวกกับกำลังจะถึงการพิจารณางบประมาณของปี 68 แบบนี้ เดี๊ยนเดาได้ทันทีว่า งบประมาณเรื่อง “น้ำท่วม น้ำแล้ง” น่าจะถูกจัดสรรแบบเต็มที่..แล้วใครได้ประโยชน์ล่ะตัวเอง

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button