กระชับพื้นที่
วันที่ 28 ส.ค.67 มีข่าวจากบริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมกันสองทาง LANNA ที่ถูกเสนอซื้อกิจการ ได้แจ้งว่า บริษัทได้รับคำเสนอซื้อกิจการจาก SCCC
วันที่ 28 สิงหาคม 2567 มีข่าวจากบริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมกันสองทาง ฝ่ายแรกเป็น บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA ที่ถูกเสนอซื้อกิจการ ได้แจ้งว่า บริษัทได้รับคำเสนอซื้อกิจการจากบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC และบริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ จำกัด Sunrise Equity Co.,Ltd เป็นจำนวน 55% ในราคาหุ้นละ 16.50 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่ากระดานซึ่งอยู่ที่ 17.20 บาท
ส่วนบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวงก็ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทได้ร่วมกับบริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ จำกัดเข้าเสนอซื้อหุ้นของบริษัท ลานนารีซอร์สเซสและบริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TAE โดยอ้างเหตุผลเรื่องการกระชับอำนาจ แต่ไม่ได้ให้เหตุผลว่าต้องการจะถอนตัวหุ้นทั้งสองบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
ข้อเสนอซื้อกิจการผ่านการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะบริษัทสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์อย่าง บริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ จำกัด ที่ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง มายาวนานตั้งแต่ปี 2543 ยังคงรุกคืบผ่านการเทกโอเวอร์กิจการของบริษัทใต้เครือข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ปล่อยให้ผู้ถือหุ้นเดิมอย่างนายกฤตย์ รัตนรักษ์ กลับมาซื้อหุ้นคืนแต่อย่างใด
เพียงแต่การเสนอซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าตลาดเป็นความใจแคบของผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งที่ทางด้านบริษัท ลานนารีซอร์สเซส นั้นมีธุรกิจเหมืองถ่านหินซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในโรงงานปูนซีเมนต์นครหลวง และ TAE ทำธุรกิจพลังงานทางเลือก ซึ่งมี value chain ที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวงและบริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ ที่น่าจะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นในระยะยาว การที่กดราคารับซื้อหุ้นจึงแสดงถึงความใจแคบของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวงและบริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ ชนิดมัดมือชกผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งผู้ถือหุ้นรายย่อยอาจจะตอบโต้ด้วยการไม่ยอมขายหุ้น ทำให้ดีลล่มได้
หากผู้ถือหุ้นรายย่อยยอมขาดทุนก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ และเข้าตำราเดิมที่ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทำอะไรก็ไม่ผิด
วิษณุ โชลิตกุล