‘จีน’ กระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ (อีกครั้ง)

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 ส.ค.) ตลาดหุ้นจีนปรับตัวคึกคัก เริ่มจากดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต (SSEC) ปรับขึ้น 0.68%, ดัชนี China A50 ปรับขึ้น 1.40%


สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 ส.ค.) ตลาดหุ้นจีนปรับตัวคึกคัก เริ่มจากดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต (SSEC) ปรับขึ้น 0.68%, ดัชนี China A50 ปรับขึ้น 1.40% และดัชนีฮั่งเส็ง (ฮ่องกง) 1.14% ตอบรับรัฐบาลจีน ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพิ่มเติม ด้วยการปรับลดดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ หลังจากออกมาตรการกระตุ้นช่วงเดือนพ.ค. 67 ที่ผ่านมา

โดยรัฐบาลจีนกำลังพิจารณามาตรการใหม่เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเตรียมอนุญาตให้เจ้าของบ้านรีไฟแนนซ์ สินเชื่อที่อยู่อาศัยมูลค่ารวม 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 185 ล้านล้านบาท) มีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวหลายล้านครอบครัวและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

ภายใต้มาตรการดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าของบ้านสามารถเจรจาเงื่อนไขใหม่กับผู้ให้กู้รายเดิมได้ก่อนเดือนม.ค. 2568 ที่ถือเป็นช่วงที่ธนาคารมักปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกที่บรรดาเจ้าของบ้านจะได้รับอนุญาตให้รีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่นได้

“มาตรการนี้คาดว่าจะช่วยบรรเทาภาระทางการเงินให้ประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในภาพรวม แต่ล่าสุดยังไม่มีความชัดเจนว่าข้อพิจารณาล่าสุดนี้จะครอบคลุมถึงสินเชื่อบ้านทุกหลังหรือไม่ หรือจำกัดเฉพาะบ้านหลังแรกเท่านั้น”

สำหรับมาตรการใหม่นี้ มีเป้าหมายช่วยเหลือเจ้าของบ้านที่กำลังประสบปัญหาจากการกู้จำนอง โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อบ้านไปก่อนหน้านี้และกำลังเผชิญกับภาระหนี้สินที่สูง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้ซื้อบ้านรายใหม่ลดลงอย่างมาก แต่ผู้ที่กู้ไปแล้วกลับไม่ได้รับผลประโยชน์นี้ ทำให้การผ่อนชำระหนี้เป็นเรื่องยากขึ้น

หากแผนนี้ได้รับการอนุมัติ ผู้กู้จำนองที่มีอยู่จะสามารถขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระและทำให้ผู้กู้มีเงินเหลือใช้มากขึ้น

“ชูจิน เฉิน” นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังจาก Jefferies Financial Group ประเมินว่า แผนการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านในจีน จะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยของบ้านที่ผู้คนกู้ไว้แล้วลงมากถึง 1% นั่นหมายถึงเจ้าของบ้านหลายล้านคนจะสามารถประหยัดเงินได้ถึง 300,000 ล้านหยวน (ประมาณ 1.43 ล้านล้านบาท) 

ขณะที่ “เรย์มอนด์ เฉิง” หัวหน้าฝ่ายวิจัยอสังหาริมทรัพย์จาก CGS International Securities ในฮ่องกง ระบุว่า หากมีการดำเนินการจริง การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นสัญญาณชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลกลางในการใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายหลายประการ ทั้งการสนับสนุนเศรษฐกิจโดยรวม การปกป้องความมั่งคั่งของครัวเรือน และการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

“แม้ไม่ใช่เป้าหมายโดยตรง แต่มาตรการนี้ช่วยสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์โดยอ้อม สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบองค์รวมของรัฐบาลจีน”

ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2567 พบว่า ยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้างชำระของจีน มีมูลค่ากว่า 38.2 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 191 ล้านล้าบาท) ถือเป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินจีน

โดยหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารของจีน ณ สิ้นปี 2564 พบว่ามากกว่า 90% ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้างชำระทั้งหมดเป็นสินเชื่อสำหรับการซื้อบ้านหลังแรก สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดที่อยู่อาศัย สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกต่อภาคการเงินและเศรษฐกิจของจีนโดยรวม

นี่ถือเป็นที่น่าจับตากันต่อว่า “ยาขนานใหม่ของรัฐบาลปักกิ่ง” ครั้งนี้..จะเยียวยาและฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์จีนได้มากน้อยเพียงใด..!!??

 

หมายเหตุ : สืบเนื่องจากคอลัมน์ “พลวัต 2024” (นสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 29 ส.ค. 67) เรื่อง “ไออาร์พีซีกับแรมโบ้อีสาน” เนื้อหาบางตอนมีการระบุว่า “การปรากฏชื่อกรรมการชุดใหม่สองคนที่มาจากนักการเมือง คือ นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ และนายบุรณิน รัตนสมบัติ (ฉายาแรมโบ้อีสาน) ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะทำให้เกิดการครอบงำทางการเมือง ทำให้บริษัทปิโตรเคมีคอลรายใหญ่ตัดสินใจผิดพลาดได้” ข้อมูลดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้องจากข้อเท็จจริงชื่อบุคคลทั้ง 2 ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด..ทางกองบรรณาธิการจึงเรียนมาเพื่อทราบและขออภัยกับบุคคลในข้อผิดพลาดดังกล่าวด้วย..

Back to top button