พักฐานเพื่อไปต่อ?
5 วันที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยเริ่มอยู่ในภาวะ “ทรงตัว” คือหากวันไหนปิดลบ จะร่วงลงเล็กน้อย หรือหากวันไหนปิดบวก จะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
5 วันที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยเริ่มอยู่ในภาวะ “ทรงตัว”
คือหากวันไหนปิดลบ จะร่วงลงเล็กน้อย หรือหากวันไหนปิดบวก จะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก หลังจากก่อนหน้านี้ปิดบวกร้อนแรง 7 วันต่อเนื่อง จากระดับ 1,289 จุด มายืนที่ 1,364 จุด ไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ 1,370 จุด
วานนี้เท่าที่คุยนักวิเคราะห์จาก 3-4 โบรกฯ
ส่วนใหญ่จะมองหรือประเมินตรงกันว่า ในเดือนกันยายนนี้
มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะขึ้นไปทดสอบระดับ 1,400 จุด
ส่วนที่หุ้นไทยขึ้น ๆ ลง ๆ ในช่วงนี้ เป็นการ “พักฐาน” เท่านั้น เพื่อไปต่อ
ปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุน เช่น การเมืองเริ่มราบเรียบ ไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องน่ากังวล ที่เหลือรอโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี นโยบาย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
และทุกอย่างน่าจะดำเนินไปตามกรอบเวลาที่ประเมินกันไว้
ทิศทางผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก
หลังจากมีกำไรกว่า 5.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9%
ทิศทางค่าเงินบาทมีสัญญาณว่าจะแข็งค่าขึ้นได้อีก ทำให้ต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย (อาจมีบางวันสลับขายบ้าง)
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้นโยบายแน่ ๆ ในปีนี้
แต่มีประเด็นที่น่าสนใจเพิ่ม
นั่นคือ ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ จะมีหุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD หลายตัว
เช่น หุ้นในกลุ่มธนาคาร ทั้ง KBANK BBL TISCO TTB KKP และ SCB
รวมถึงในหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ไฟฟ้า สื่อสาร และหุ้นขนาดกลางและเล็ก
มีการแนะนำว่า เมื่อมีปัจจัยหนุนให้หุ้นไปต่อ
ถือเป็นจังหวะดีที่จะเก็บหุ้นที่ราคาย่อตัวลงมา โดยเฉพาะในวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD แล้วไปรอขายในช่วงที่ดัชนีค่อย ๆ ปรับขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง เพื่อไปทดสอบที่ 1,400 จุด
บล.เอเซีย พลัส มองว่า ในมุมมูลค่า (Valuation) ตลาดหุ้นไทยนั้น “ถือว่ามีความน่าสนใจ”
เหตุผลเพราะล่าสุด มี MEYG หรือ Market Earning Yield Gap อยู่ที่ 4.3%
ตัวเลขนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 3.9%
และสูงกว่าตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มี MEYG 0.7% และฟิลิปปินส์ 2.1% เท่านั้น
ในมุมอัพไซด์ วางเป้าหมายดัชนีปี 2567 อยู่ที่ 1,450 จุด
ยิ่งหากคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ลดดอกเบี้ยทุก ๆ 1 ครั้ง มีโอกาสยกเป้าหมายดัชนีให้สูงขึ้นไปได้ทีละ 60 จุด ทำให้ภาพรวมเดือนก.ย. ประเมินหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,400 จุด
เช่นเดียวกับ บล.ทิสโก้ ที่มองเหมือนกับ เอเชีย พลัส ว่า หุ้นในเดือนนี้จะขึ้นไปที่ 1,400 จุด ได้
ทว่า มีมุมมองจากบางโบรกฯ ที่บอกว่า หุ้นไทยเดือนนี้น่าจะเป็นขาลง
บล.ทรีนีตี้ บอกว่า มีโอกาสผันผวนอิงทางลง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งเดือนหลัง (ก.ย.)
สาเหตุหลัก เริ่มจาก 1.หมดช่วงข่าวดีทางการเมืองภายในระยะสั้นไปแล้ว เพราะหลังจากที่เริ่มเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่แล้ว
เมื่อถึงจุดนี้ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการลงทุนคือ นักลงทุนในตลาดจะเลือกหันมาพิจารณาภาพความเป็นจริงหรือพื้นฐานกำไรของบจ.กันมากขึ้น ซึ่งล่าสุดยังไม่มีสัญญาณที่ดีขึ้นแต่อย่างใด
2.ความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้นจากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 17-18 ก.ย. นี้ ไม่ว่าการลดดอกเบี้ยจะออกมาในระดับไหนก็ตาม หากลด 0.25%
ถือเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้ว และอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนไม่สบายใจว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยเกินไป
หรือหากลด 0.50% จะทำให้นักลงทุนบางส่วนกังวลว่าเฟดอาจเห็นสัญญาณความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
และ3.แรงขายของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นปกติในเดือนก.ย.ของทุกปี
โดยอาจเป็นการเตรียมเงินสดเพื่อรองรับการไถ่ถอนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่าง ๆ
มาลุ้นกันว่า ดัชนีพักฐานรอบนี้
จะลงมาอีกหรือว่าเพื่อไปต่อ
ธนะชัย ณ นคร