IP แตกเซกเมนต์.!
ถ้าย้อนไปช่วง 1-2 ปีแรกที่หุ้น IP ของ “เฮียตฤณวรรธน์” เคยฮอตฮิตอยู่พักหนึ่ง...ฮอตทั้งในกลุ่มนักลงทุน และผู้ที่จะเข้ามาเป็นสตราทีจิกพาร์ตเนอร์
ถ้าย้อนไปช่วง 1-2 ปีแรกที่หุ้นบริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP ของ “เฮียตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์” เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ (วันที่ 5 พ.ย. 2562) เคยฮอตฮิตอยู่พักหนึ่ง…ฮอตทั้งในกลุ่มนักลงทุน และผู้ที่จะเข้ามาเป็นสตราทีจิกพาร์ตเนอร์ ..!!
ด้วย IP เป็นผู้นำในการพัฒนาคิดค้นผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรมความงามทั้งคนและสัตว์ ถือเป็นแอซเสทที่มีแวลู และดึงดูดให้บริษัทใหญ่หลาย ๆ แห่งเข้ามารุมจีบ จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็น “ธีรพงศ์ จันศิริ” แม่ทัพใหญ่แห่งบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เข้ามาถือหุ้น IP ในนามส่วนตัว (ปัจจุบันไม่ปรากฏถือหุ้นแล้ว) จากนั้นไม่นาน IP กับ TU ก็ร่วมกันตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อร่วมพัฒนาสินค้า ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมภายใต้แบรนด์ “C VITA”
ตามมาด้วยบริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เข้ามาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับอาหารสัตว์ ภายใต้แบรนด์ “MARIA” รวมทั้งบริษัท อินโนบิก แอลแอล โฮลดิ้ง จำกัด (INNOBIC LL) บริษัทในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เข้ามาถือหุ้น IP สัดส่วน 20% เพื่อต่อยอดธุรกิจร่วมกัน
แหม๊…เนื้อหอมซะขนาดนี้ เลยทำให้ในช่วงเวลานั้น นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในหุ้น IP กันคึกคัก ส่งผลให้วันที่ 20 พ.ค. 2565 ราคาปรับขึ้นไปสูงสุดแตะที่ 20.80 บาท แต่หลังจากนั้นมา ความฮอตของหุ้น IP ก็ค่อย ๆ จางหาย พร้อม ๆ กับข่าวสารที่เงียบหายไป…
ล่าสุดเพิ่งประกาศดีลจะเข้าลงทุนในบริษัท เมตตา เมดเทค จำกัด (METTA) ประกอบธุรกิจขายเครื่องมือทางการแพทย์ โดยเน้นที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาอาการปวด การฟื้นฟูทางระบบประสาทและสมอง (Neuro Rehabs) และ Robotic Rehabs และประกอบกิจการคลินิกกายภาพ ภายใต้ชื่อ MT Rehab Clinic โดยจะถือหุ้นสัดส่วน 60% คิดเป็นมูลค่า 111.43 ล้านบาท คาดธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้
แต่เอ๊ะ…นี่ไม่ใช่ดีลใหม่เอี่ยมอ่องนะ เพราะถ้าจำกันได้ ช่วงต้นปี (วันที่ 29 ก.พ. 2567) เคยแจ้งจะเข้าซื้อหุ้น METTA มารอบหนึ่งแล้ว คราวนั้นจะซื้อหุ้น 70% คิดเป็นมูลค่า 131 ล้านบาท แต่สุดท้ายก็ยกเลิกดีลไป เนื่องจากติดขัดเงื่อนไขบางประการ…
ตื้นลึกหนาบางเป็นยังไง..?? มิอาจทราบได้ แต่ที่ทราบดูเหมือน IP ไม่ละความพยายามอยากได้ METTA มาครอบครองนะเนี่ย…
ก็น่าสนใจ เพราะการได้ METTA มาจะช่วยเสริมส่งกับธุรกิจดั้งเดิม ซึ่งเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงามอยู่แล้ว ทำให้สามารถ synergy ธุรกิจกันได้ โดยเฉพาะจะทำให้ IP ลงลึกไปอีกในด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู รวมทั้งมีช่องทางออกของมากขึ้น ผ่านคลินิกกายภาพของ METTA…ในขณะที่ METTA ก็จะมีช่องทางในการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ผ่านร้านขายยาของ IP เช่นกัน
แล้วอย่าลืมว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ก็จะช่วยเปิดเซกเมนต์ใหม่ เพิ่มฐานลูกค้าให้กับ IP ได้มากขึ้น
ถ้าไปส่องงบการเงิน METTA ในช่วง 4 ปีย้อนหลัง ก็ถือว่าทำได้ดี ในปี 2563 มีรายได้รวม 59.38 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.59 ล้านบาท ถัดมาปี 2564 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 64.90 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7.90 ล้านบาท ส่วนปี 2565 มีรายได้รวม 108.25 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10.48 ล้านบาท และปี 2566 มีรายได้รวม 133.85 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.15 ล้านบาท
เทียบเคียงกับงบปี 2566 ของ IP ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50.79 ล้านบาท ส่วน METTA มีกำไรสุทธิ 15.15 ล้านบาท ก็เกือบ 30% เชียวหนา
แล้วถ้าดูโอกาสทางธุรกิจ…METTA ก็น่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นั่นหมายความว่า ถ้า METTA เติบโตดี…IP ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย..!!
ทั้งหมดนี้คงเป็นคำตอบว่าทำไม IP ถึงอยากได้ METTA จนตัวสั่น อุ๊ย…ขนาดที่ว่าล้มดีลไปรอบหนึ่งแล้ว ยังอุตส่าห์ดันต่ออีก…
บ่งบอกว่า want มั๊ก ๆ ๆ นะเนี่ย…
…อิ อิ อิ…