ทำไมฝรั่งขาย

4 วันที่ผ่านมาต่างชาติขายหุ้นไทยกว่า 6,000 ล้านบาท ทั้งที่เพิ่งจะผ่านงาน “ไทยแลนด์ โฟกัส 2024” ซึ่งโดยปกติต่างชาติน่าจะทยอยซื้อ


4 วันที่ผ่านมาต่างชาติขายหุ้นไทยกว่า 6,000 ล้านบาท

ทั้งที่เพิ่งจะผ่านงาน “ไทยแลนด์ โฟกัส 2024” ซึ่งโดยปกติต่างชาติน่าจะทยอยซื้อ

คำถามคือว่า เกิดอะไรขึ้น

หากย้อนกลับดูเหตุการณ์เมื่อปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมาจะพบว่า เป็นช่วงที่ MSCI รีบาลานซ์พอดี

วันนั้น (30 ส.ค.) ต่างชาติขายสุทธิออกมา 3,184 ล้านบาท

ดังนั้น หากจะนับวันที่นักลงทุนต่างชาติขาย เมื่อตัดวัน MSCI รีบาลานซ์ จะเท่ากับว่า มีการขายออกมา 3 วันติดต่อกัน

ขณะเดียวกันในช่วง 3 วันที่ขาย เมื่อดูยอดแล้วไม่ได้มีจำนวนมากนัก

วันที่ 2 ก.ย. ขายจำนวน 1,478 ล้านบาท

วันที่ 3 ก.ย. ขายจำนวน 699 ล้านบาท

วันที่ 4 ก.ย. ขายจำนวน 567 ล้านบาท

สอบถามไปยังนักวิเคราะห์ที่เกาะติดการลงทุนของต่างชาติ ได้รับคำตอบว่า น่าจะเป็นการ “ปรับพอร์ต” หรือ “ขายทำกำไร” ในช่วงสั้นเท่านั้น

ประกอบกับค่าเงินบาท เริ่มกลับมาอ่อนค่าลงเล็กน้อย

แต่ยังมั่นใจว่า ในระยะถัดไปต่างชาติจะหวนกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุน

เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแน่นอนในเดือนก.ย.นี้ และจะปรับลงเรื่อย ๆ ไปจนถึงการประชุมในช่วงสิ้นปี หรือรวมประมาณ 2-3 ครั้ง

ส่วนปัจจัยในประเทศ มีแรงหนุนจากการเมืองเมื่อดูแล้วถือว่า “มีเสถียรภาพ”

ซึ่งแตกต่างจากหลายปีก่อนหน้านี้ ที่การเมืองจะมีการ “แบ่งขั้ว” ชัดเจน และมักจะมีความรุนแรงตามมา

ทำให้เป็นปัจจัยกดดันหุ้นไทยมาโดยตลอด

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นของรัฐบาล ยังเป็นอีกปัจจัยหนุนหุ้นไทย

ทั้งจากกองทุนวายุภักษ์ที่จะมีเม็ดเงินเข้ามาระหว่าง 1.2-1.5 แสนล้านบาท

รวมถึงเม็ดเงินจากกองทุน TESG ที่ประเมินกันว่า อยู่ระหว่าง 2-3 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/2567

หรือสรุปง่าย ๆ ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2567 จะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามายังตลาดหุ้นไทยระหว่าง 1.5-1.7 แสนล้านบาท และจะมีส่วนช่วยดันดัชนีที่ประเมินกันว่า ได้ยืนเหนือ 1,400 จุดแน่ ๆ

สมมุติว่า หากต่างชาติยังขายออกมาเรื่อย ๆ 

แต่ถูกมองว่า ไม่น่าจะมีผลต่อหุ้นไทยมากนัก เพราะแรงขายไม่น่าจะมากเหมือนก่อนหน้านี้ (เพราะขายมาเยอะ)

ขณะที่หุ้นไทยเริ่มมี “ภูมิ” ที่แข็งแกร่งขึ้น

ทั้งจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหนุนหุ้นไทย

นักลงทุนสถาบันเริ่มมีเงินหน้าตักมากขึ้น ที่จะเข้ามารับแรงขายจากต่างชาติ

แนวรับดัชนีหุ้นไทยไม่น่าจะหลุด 1,330 จุด

แต่ยังมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,370 จุด

หากผ่านแนวต้านนี้ขึ้นมาได้นั้น ดัชนีที่ระดับ 1,400 จุด ก็แค่หน้าปากซอยแล้วล่ะ

หุ้นกลุ่มเป้าหมายที่ถูกแนะนำในช่วงนี้คือ หุ้นที่รับเม็ดเงินทั้งจาก วายุภักษ์ และ TESG ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม SET50 ในกลุ่มสื่อสาร ธนาคาร ค้าปลีก ไฟฟ้า

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button