ระวังตกขบวน

ในเมื่อสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเดินด้วยเม็ดเงินก้อนใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดหุ้นเป็นแสนล้าน นักลงทุนก็ควรโหนกระแสโดยไม่มีอาการอิดออดอะไรทั้งสิ้น


ในเมื่อสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเดินด้วยเม็ดเงินก้อนใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดหุ้นเป็นแสนล้าน นักลงทุนก็ควรโหนกระแสโดยไม่มีอาการอิดออดอะไรทั้งสิ้น เพราะเขาเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่า follow buy ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จในยามที่นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งภาพดังกล่าวก็แสดงออกมาด้วยการไล่ซื้อหุ้นอุตลุด จนดัชนีทะลุแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,400 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนนะจะบอกให้

ที่น่าสนใจคือการยืนปิดที่ระดับ 1,404.28 จุด บวกไป 38.79 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.17 หมื่นล้านบาท ก็เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดความเชื่อที่ว่า ไม่ซื้อหุ้นตอนนี้มีสิทธิ์ตกขบวนรถด่วนสูง จึงเห็นหุ้นขนาดใหญ่พาเหรดขึ้นกันถ้วนหน้า “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินความน่าจะเป็นของเรื่องดังกล่าว เพราะสถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะยั่งยืนขนาดไหน..เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้..อิอิอิ

จุดที่น่าสนใจคือ หากนักลงทุนต่างชาติยังใช้นโยบายขายหุ้นไทยเหมือนเดิม แต่กองทุนไทยฮึดสู้ด้วยการซื้อหุ้นแบบเคาะขวารัว ๆ ภาพของตลาดหุ้นไทยก็จะเป็นแบบไซด์เวย์อัพ ขณะเดียวกันหากมองว่า เฟดจะมีการลดดอกเบี้ยตามที่หลายฝ่านคาดการณ์ ก็จะมีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาเติมในตลาดหุ้นไทยหลายหมื่นล้าน และเมื่อรวมกับเม็ดเงินกองทุนที่จะเข้ามาเรื่อย ๆ ก็แปลความได้อย่างเดียวว่า กระฉูดนะตัวเอง

โดยเฉพาะก๊วนหุ้นการเมืองอย่าง ADVANC ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 267 บาท บวกไป 19 บาท หรือขึ้นไป 7.66% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.68 พันล้านบาท ท่ามกลางสตอรี่เด็ด ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำไรโตต่อ หรือเรื่องกองทุนวายุภักษ์ ล้วนเป็นแรงดึงดุดที่ทำให้นักลงทุนสถาบันกระโจนใส่อุตลุด พร้อมกับทำนิวไฮแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแบบนี้..แมงโม้เลยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ของมันต้องมีนะจ๊ะ

เช่นเดียวกับในรายของ CPALL ก็กลายเป็นหุ้นที่ได้ “ทั้งขึ้น ทั้งล่อง” ไม่ว่าจะหยิบประเด็นไหนมาเล่น ก็รับอานิสงส์กับเขาด้วยเต็ม ๆ วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 63.50 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 4.96% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.15 พันล้านบาท พร้อมกับทำนิวไฮในรอบ 11 เดือนแบบนี้ บรรดาขาลุยถึงเชื่อกันว่า ราคาหุ้นยังมีแก๊ปให้ไปต่อสวย ๆ จึงต้องตามไปดูแบบใกล้ชิดเจ้าค่ะ

ส่วนอีกหนึ่งรายที่มาทุกครั้งเมื่อตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น “โมนิก้า” คงมองไปที่แบงก์สีเขียว KBANK เพื่อชี้ให้เห็นการทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 146.50 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 2.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.20 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 1 ปี 7 เดือน ก็เป็นภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นว่า หุ้นรายนี้มักเป็นตัวเลือกอันดับแรกที่สถาบันจะลุย จึงมองกันยาว ๆ ได้เลยเลยจ้า!

อีกรายที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้ก็คือปูนใหญ่ SCC เพราะหลังจากผ่านช่วงตกต่ำสุดของชีวิต ก็เริ่มมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมาอีกครั้ง และการที่หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 239 บาท บวกไป 11 บาท หรือขึ้นไป 4.82% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.35 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ลงไปทำโลว์ที่บริเวณ 196 บาท ก็เหมือนเป็นการยืนยันแรงขายสะเด็ดน้ำแล้วจริง ๆ และต่อจากนี้คงเป็นจังหวะที่นักลงทุนสถาบันไล่เก็บหุ้นเป็นช่วง ๆ นะนายจ๋า

สำหรับของแท้ที่โดนไล่เก็บรอบใหม่ต้องมองไปที่หุ้น IVL เพราะเป็นหุ้นปิโตรเคมีเพียงรายเดียวที่ราคาหุ้นขึ้นชัดเจน และการที่หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 20.60 บาท บวกไป 1 บาท  หรือขึ้นไป 5.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.16 พันล้านบาท โดยใช้เวลทั้งหมด 4 วันให้ผลตอบแทนสูงถึง 20% ก็เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ เพราะก่อนหน้านี้ยังมีประเด็นปิโตรเคมียังอยู่ในช่วงขาลง เพราะผู้นำเข้าหลักอย่างจีนลดการนำเข้าไงล่ะคะ

เมื่อตลาดหุ้นเต็มไปด้วยแรงซื้อที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก “โมนิก้า” ย่อมมีความสนใจหุ้น AOT มากเป็นพิเศษ เพราะเป็นหุ้นรัฐวิสาหกิจที่นักลงทุนสถาบันมักหวนกลับมาซื้อเป็นประจำ และการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 62.50 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.22 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 3 เดือน ย่อมทำให้เชื่อว่า หุ้นมีโอกาสไปต่อค่อนข้างสูง เพราะมีประเด็นไฮซีซั่นเป็นแรงเสริมเจ้าค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button