กองทุนขายแต่ฝรั่ง (ดัก) ซื้อ

วานนี้นักลงทุนสถาบัน (กองทุน) ขายหุ้นไทยออกมาอีก 325 ล้านหุ้น

ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันมีการขายหุ้นไทยสุทธิ 4 วันต่อเนื่องกันประมาณ 1.5 พันล้านบาท

คือ วันที่ 6 กันยายน 2567 ขายสุทธิ 270 ล้านบาท

วันที่ 9 กันยายน 2567 ขายสุทธิ 2,965 ล้านบาท

วันที่ 10 กันยายน 2567 ขายสุทธิ 861 ล้านบาท

และวันที่ 11 กันยายน 2567 ขายสุทธิอีก 325 ล้านบาท

มีการอ้างเหตุผลว่า เหตุที่นักลงทุนสถาบันขายออกมา อาจเพื่อเตรียมเงินเพื่อนำไปซื้อหน่วยลงทุน “กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง” ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้

ส่วนกลุ่มหุ้น และหุ้นที่ขายออกมา น่าจะเป็นตัวที่มีกำไร และถือโอกาสในการปรับพอร์ตไปด้วย

ฟังดูแล้วน่าจะพอมีเหตุผลได้บ้าง

แต่อาจจะมีคำถามที่ว่า แล้วนักลงทุนสถาบันเขาไม่ได้มีเงินหน้าตัก (เงินสด) ในมือบ้างเลยเหรอ

คำตอบคือ คงแล้วแต่นโยบายของแต่ละแห่งนั่นแหละ

เพราะกลยุทธ์การลงทุนคงแตกต่างกันไป

แต่นักลงทุนสถาบันหรือกองทุนที่ขายหุ้นออกมา น่าจะเป็นกองทุนประเภท Active Fund 

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ในช่วงที่นักลงทุนสถาบันขายออกมา ปรากฏว่า นักลงทุนต่างประเทศ กลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง เช่น วานนี้ซื้อสุทธิอีก 2,680 ล้านบาท สวนทางกับดัชนีที่ปิดลบ 12.62 จุด (ปิด 1,415.41 จุด)

ส่วน 4 วันก่อนหน้านี้ ต่างชาติซื้อ คือ

วันที่ 5 กันยายน 2567 ซื้อสุทธิ 7,848 ล้านบาท

วันที่ 6 กันยายน 2567 ซื้อสุทธิ 10,756 ล้านบาท

วันที่ 9 กันยายน 2567 ซื้อสุทธิ 3,646 ล้านบาท

วันที่ 10 กันยายน 2567 ซื้อสุทธิ 560 ล้านบาท

เมื่อรวม 5 วันที่ผ่านมา เท่ากับว่า ต่างชาติซื้อหุ้นไทยรวมกันแล้วกว่า 254,90 ล้านบาท

แต่หากนับจากต้นปี 2567 มาจนถึงวานนี้ (11 ก.ย.)  ต่างชาติยังขายสุทธิกว่า 1.02 แสนล้านบาท

ส่วนสาเหตุที่หุ้นปรับลงมา 2 วันติดต่อกันนั้น

นอกจากนักลงทุนสถาบันจะขายกันออกมาแล้ว ยังน่าจะมีอีกปัจจัยคือ มีการออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกองทุนวายุภักษ์จากอดีตนักการเงินคนหนึ่ง

ทว่า เรื่องดังกล่าว มีการเปิดเผยข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องทันที

โดยบอกว่ากองทนุวายุภักษ์ ผ่านความเห็นของสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา

จึงไม่มีปัญหาในข้อกฎหมายอย่างแน่นอน

เลยไม่แน่ใจว่า ผู้เขียนได้ติดตามเรื่องกองทนุวายุภักษ์ (หนึ่ง)  ล่าสุดมากน้อยแค่ไหน

แต่หากเข้าไปดูความเห็นของนักลงทุน

จะพบว่า มีความคิดเชิงบวกกับกองทุนวายุภักษ์ และพร้อมเข้าลงทุน

แต่อีกกลุ่มอาจจะเกิดความลังเล ซื้อหรือไม่ซื้อดี รวมถึงนักลงทุนที่เข้าไปเก็บหุ้น เลยถือโอกาสขายทำกำไรกันออกมาก่อน เพื่อดูความชัดเจนอีกครั้ง

และเมื่อบวกกับกองทุนปรับพอร์ตขายหุ้นออกมา รวมถึงการปรับลงของหุ้นกลุ่ม ปตท. (PTT) จากน้ำมันดิบปรับลง

นั่นทำให้ดัชนีเกิดการย่อตัว และน่าจะถือโอกาส “พักฐาน”

เพราะจะพบว่า วานนี้ที่ดัชนีลงมาลึกที่ 1,405.30 จุด (-22.73 จุด)

ปรากฏว่า มีแรงเข้ามาซื้อกลับค่อนข้างมาก ทำให้ดัชนีดีดกลับ และปิดลบเล็กน้อย -12.82 จุด

นักวิเคราะห์ทางเทคนิค ประเมินดัชนีหุ้นไทยว่า ดัชนีที่ย่อตัวในช่วง 2 วันผ่านมาไม่หลุดแนวรับ (1,400 จุด) และเกิดการซื้อกลับ และยังมีแรงซื้อจากต่างชาติที่เข้ามาต่อเนื่อง

ดัชนีหุ้นไทยน่าจะปรับฐานแค่รอบสั้น

ก่อนจะวิ่งขึ้นต่อได้

ธนะชัย ณ นคร