ถึงคิวหุ้นแถว 3

ก่อนอื่นต้องบอกว่า แรงขายที่ออกมารอบนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องที่เดี๊ยนเคยเม้าท์ให้ฟังตั้งแต่ต้นสัปดาห์


ก่อนอื่นต้องบอกว่า แรงขายที่ออกมารอบนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องที่เดี๊ยนเคยเม้าท์ให้ฟังตั้งแต่ต้นสัปดาห์ พร้อมกับย้ำหัวหมุดอีกครั้งว่า ตราบใดที่ดัชนียังประคองตัวยืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจอีกต่อไป เพราะมันแบเบอร์มาตั้งแต่หัววันแล้วว่า เดี๋ยวจะมีเม็ดเงินก้อนใหม่เข้ามาในตลาดหุ้นไม่ต่ำกว่าแสนล้านไงล่ะคะ

ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา “โมนิก้า” เม้าท์ถึงหุ้นขนาดใหญ่มากพอสมควร วันนี้จึงขอเปลี่ยนบรรยากาศมาดูหุ้นแถว 3 ที่น่าจะเป็นทางเลือกในช่วงที่หุ้นใหญ่เริ่มพักตัว ผสานกับนักลงทุนต่างชาติเริ่มเพลาการซื้อ และกองทุนยังสวมบทนักเลงตีหัวเข้าบ้าน วานนี้จึงเห็นดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,415.41จุด ลบไป 12.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.39 หมื่นล้านบาทอย่างง่ายดายพะย่ะค่ะ

สำหรับหุ้นที่ “โมนิก้า” มองเป็นทางเลือกสำหรับคนที่เน้นลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวคงหนีไม่พ้น NER ซึ่งมีพัฒนาการในเรื่องของรายได้และกำไรที่ชัดเจน แม้ในบางจังหวะจะโดนพิษ FX เล่นงานไปบ้าง แต่ในภาพรวมก็ยังรักษาผลงานได้ดี และการยืนปิดที่ระดับ 4.94 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 5 เท่า พ่วงด้วยปันผลในระดับ 6% ก็น่าสนใจสุด ๆ แล้วจ้า

ส่วนหุ้นอีกรายที่เห็นชัดเจนว่า โตชัวร์! แต่ราคาหุ้นยังจังหวะขึ้นรอบใหม่ เดี๊ยนขอมองไปที่หุ้นน้ำมะพร้าว COCOCO เป็นรายถัดมา เพราะเมื่อดูจากกำไรช่วง 6 เดือนอยู่ที่ระดับ 430 ล้านบาท เทียบกับกำไรปีก่อนทั้งปีอยู่ที่ 540 บาท ก็ทำให้เชื่อว่า กำไรปีนี้น่าจะโตตามเป้า 40% สบาย ๆ และการที่หุ้นแกว่งตัวไปมาที่ระดับ 12 บาทเป็นเวลานาน  น่าจะเป็นจังหวะของการทยอยสะสมหุ้นนะคะ

อีกรายที่พยายามทำผลงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ราคาหุ้นกลับมุดหัวลงลูกเดียว “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นทาสหมาทาสแมวอย่าง AAI เพื่อชี้ให้เห็นการอ่อนตัวลงมายืนที่ระดับ 5.20 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 14 เท่า และมีเงินปันผลอยู่ที่ระดับ 4.30% ย่อมเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่พลาดขบวนรถด่วนเที่ยวก่อน และที่สำคัญจุดเด้งเที่ยวก่อนอยู่แถว 5 บาทแบบนี้..ไม่มองได้ไงคะ

เช่นเดียวกับในรายของ NSL ก็พูดได้คำเดียวว่า ไปต่อ..ไม่รอแล้วนะจ๊ะ! หลังราคาหุ้นบวกแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 34 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 134 ล้านบาท ก็เป็นเกมที่คาดเดาได้ทันทีว่า นี่คงเป็นผลมาจากแซนวิชแฮมชีสในเซเว่นขายดี ส่งผลให้กำไรไตรมาส 1 และไตรมาส 2 โตกว่าปีก่อนมาก อีฉันเลยไม่แปลกใจที่โบรกเกอร์ให้เป้าสูงถึง 43 บาทเจ้าค่ะ

สำหรับหุ้นอีกตัวที่น่าสนใจในแง่ของราคาหุ้นที่ซึมมานาน และเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีแบ็คอัพเป็นเรื่องของกำไรที่จะกลับมาโตอีกครั้ง คงต้องชายตามองหุ้น BLC ภายใต้การนำทัพของคุณพี่ “สุวิทย์” เป็นรายถัดมา เพราะเขาเชื่อกันว่า กำลังการผลิตโรงงานยาที่เพิ่มขึ้นเริ่มให้ดอกผล และการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 5.90 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61 ล้านบาท น่าจะมีนัยพอสมควรนะนายจ๋า

เมาท์ถึงเรื่องยาขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น DOD ซึ่งเป็นผู้นำกัญชาทางการแพทย์ก่อนใครเพื่อน เพราะการที่รัฐบาลไฟเขียวให้เดินหน้าโครงการดังกล่าวอีกครั้ง ย่อมส่งผลโดยตรงกับผลงานของบริษัทต่อจากนี้ ผนวกกับมีการขายบริษัทลูกที่เป็นตัวถ่วงออกไปหมดแล้ว บรรดานกรู้เลยเชื่อว่า ทุกอย่างจะดีขึ้น จึงเริ่มไล่ราคาอีกครั้ง วานนี้จึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.78 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 19.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 65 ล้านบาทนะจะบอกให้

ตบท้ายกันที่ข่าวเม้าท์ที่เกี่ยวกับ RS และ GIFT กันดีกว่า หลังแมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดกำลังจะมีดีลใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งหลายคนก็เดากันไปต่าง ๆ นานา ว่า ต้นเดือน ต.ค. จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการแบบนี้ มันทำให้อีฉันต้องค่อย ๆ ต่อจิ๊กซอว์เรื่องดังกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายจะ “วิน-วิน” ใช่อะป่าว? จึงกลายเป็นเกมที่ทำให้ขาเผือกต้องตามดูอย่างใกล้ชิด เพราะเวลามันงวดเข้ามาเรื่อย ๆ น่ะซี

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button