ฝรั่งซื้อหนัก

ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ยังรู้สึกชิลๆ ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นมีการย่อตัวแรงทีไรก็คือ นักลงทุนต่างชาติยังเดินหน้าซื้อหุ้นไทยตลอดเวลา


ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ยังรู้สึกชิล ๆ ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นมีการย่อตัวแรงทีไรก็คือ นักลงทุนต่างชาติยังเดินหน้าซื้อหุ้นไทยตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยยังดีเหมือนเดิม และมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1,450 จุด อีกครั้งแบบนี้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องขายหุ้นหนีตายเหมือนเมื่อก่อน ผนวกกับยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาปาเข้าไป 2.50 หมื่นล้าน จึงเหมือนเป็นการยืนยันฐานแนวรับ 1,400 จุดแน่นปึ๊กสุด ๆ นะจะบอกให้

ที่สำคัญคือ ดัชนีป้วนเปี้ยนไปมาที่ระดับ 1,400-1,440 จุดเป็นเวลา 7 วันทำการแบบนี้ “โมนิก้า” ไม่อาจตีความเป็นอย่างอื่นไปได้นอกเสียจากฝรั่งเก็บของ! และถ้าย้อนดูยอดซื้อกลับสุทธิในช่วงปกติมักจะอยู่ในระดับ 8 หมื่นล้านเป็นที่ตั้ง เดี๊ยนเลยเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า หุ้นไทยยังไปอีกไกล และการยืนปิดที่ระดับ 1,435.53 จุด บวกไป 11.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.10 หมื่นล้านบาท จึงเป็นระดับที่น่าจะลงทุนได้เจ้าค่ะ

งานนี้ไม่ต้องไปฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรทั้งสิ้น เพราะสตอรี่ที่ทำให้หุ้นไทยมาขนาดนี้ได้ ล้วนเป็นผลมาจากการก่อเกิดของกองทุนวายุภักษ์ และความเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยมีสูง ซึ่งเป็นตัวเร่งที่ทำให้นักลงทุนหวนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยแบบสุดซอย และเป็นการซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ราคายังขยับขึ้นไม่มากแบบนี้ มันกลายเป็นช็อตที่ต้องตามไปดูนะออเจ้า

โดยเฉพาะประเด็นของหุ้น EA ที่มีเสียงเม้าท์กันอย่างเซ็งแซ่ในหมู่นักลงทุนขาลุยเกี่ยวกับเรื่อง RO กับ PP ถือเป็นตัวบิ้วอารมณ์นักลงทุนได้เป็นอย่างดี และถ้าดูสัญญาไฟไม่มีวันหมดอายุเป็นแบ็คอัพ พร้อมด้วยเรื่องโครงการหนุมานที่มีมูลค่า 2.40 หมื่นล้าน แต่ขอเงินกู้จากแบงก์มาแค่ 8 พันล้าน จึงดูเหมือนว่า ทุกอย่างกำลังดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ราคาหุ้นเลยเด้งขึ้นมาปิดที่ 10.50 บาท บวกไป 2.40 บาท หรือขึ้นไป 29.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.24 พันล้านบาทไงล่ะคะ

เช่นเดียวกับในรายของ IVL ที่ทุกคนเม้าท์เป็นเสียงเดียวกันว่า ธุรกิจกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ และราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่าราคาเป้าหมายแบบนี้ นักลงทุนสถาบันถึงกระโจนใส่มือเป็นระวิง จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 23.90 บาท บวกไป 2.40 บาท หรือขึ้นไป 11.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.02 พันล้านบาท ท่ามกลาง BV อยู่ที่ระดับ 25 บาท ก็เป็นอีกหนึ่งไกด์ไลน์ที่บอกให้ขาลุยรู้ว่า ถ้าธุรกิจดีขึ้นจริง ๆ ราคาหุ้นก็ควรอยู่เท่าบุ๊กเป็นอย่างต่ำ..เขาบอกไว้อย่างนั้น!

อีกรายที่น่ามองสุด ๆ ในแง่ของการเติบโต “โมนิก้า” คงเทใจให้กับหุ้น NER แบบไม่ลังเลใจอะไรทั้งสิ้น เพราะแค่มองเรื่องการเทรดบน PE 6 เท่า พ่วงด้วยเรื่องของปันผลที่อยู่ในระดับ 6% ก็ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับอีฉันแล้ว เนื่องจากตำราที่เล่าเรียนมาเขาบอกว่า นี่คือหุ้นดีราคาถูก! เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่วานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.30 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 171 ล้านบาทน่ะซี

ส่วนคนที่ชอบสไตล์หวือหวา และธุรกิจกำลังกลับมาโต “โมนิก้า” ขอให้มองไปที่หุ้นถุงมือยางเจ้าใหญ่อย่าง STGT เป็นรายถัดมา เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 12.20 บาท บวกไป 2.10 บาท หรือขึ้นไป 20.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 861 ล้านบาท มันเหมือนเป็นการบอกใบ้ให้รู้คร่าว ๆ ว่า กำไรไตรมาส 3-4 น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกกระมัง! เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นจับตาดูว่า เที่ยวนี้จะขึ้นไปเท่ากับบุ๊กที่ระดับ 13.30 บาทไหมเอ่ย?

สำหรับคนที่ถนัดสายบู๊แบบสุดซอย “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น NEX เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.28 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 30.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 522 ล้านบาท ไม่ได้มาเล่น ๆ อย่างแน่นอน และเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันโดยตรงกับการที่แม่เพิ่มทุนอย่างแน่นอน และหากเรื่องนี้เป็นจริงเหมือนที่เขาร่ำลือถึงบริษัทยักษ์ใหญ่เข้ามาพูดคุยกันเป็นระยะแบบนี้ ก็คงต้องไหลตามน้ำไปก่อนเจ้าค่ะ

ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องร้อนขึ้นมาทั้งที เดี๊ยนขอมองไปที่หุ้น YGG เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่ค้างคาใจกันอีกนิดหนึ่งดีกว่า เพราะสิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้คือ บริษัทขาดสภาพคล่องอย่างแรง เหตุไฉนราคาหุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.17 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 18.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 149 ล้านบาทหน้าตาเฉย! หรือเดี๊ยนตกข่าวอะไรไปก็บอกกันหน่อย อีฉันจะได้ประเมินสภาพบริษัทใหม่จ้า!

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button