MONO ลงจอภาพยนตร์.!

ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ของธุรกิจทีวีดิจิทัลทุกวันนี้ยังอยู่ในภาวะดิ้นหนีตาย สะท้อนได้จากผลประกอบการของหลาย ๆ ช่องที่ยังกู่ไม่กลับ


ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ของธุรกิจทีวีดิจิทัลทุกวันนี้ยังอยู่ในภาวะดิ้นหนีตาย สะท้อนได้จากผลประกอบการของหลาย ๆ ช่องที่ยังกู่ไม่กลับ อย่าว่าจะคืนทุนเลย แค่ให้เห็นกำไรก็หืดขึ้นคอแล้ว ก่อนหน้านี้ใครที่ไหวตัวทัน ชิงคืนช่อง (คืนใบอนุญาต 7 ช่องในปี 2562) ตามคำสั่งมาตรา 44 ของคสช. ถือว่าโชคดีไป…

ส่วนบรรดาช่องที่เหลือก็กัดฟันสู้ฟัดกันต่อไป ท่ามกลางโจทย์ยากที่นับวันคนดูทีวีร่อยหรอลงทุกที และหันไปเสพสื่อผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ยูทูบ ติ๊กต็อก ฯลฯ แน่นอนว่าเม็ดเงินโฆษณาก็ถูกดึงไปด้วย ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลต้องพยายามหาคอนเทนต์ที่น่าสนใจ มาตรึงสายตาคนดูให้มากและนานที่สุด หรือไม่ก็ต้องไปเสาะแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตต่อไป

จึงไม่น่าแปลกที่เห็นบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ของ “เสี่ยพิชญ์ โพธารามิก” ขยับไปลงจอภาพยนตร์ ด้วยการไปจับไม้จับมือกับกลุ่มบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ผ่านบริษัท เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตภาพยนตร์ไทย เพื่อประกอบกิจการผลิตภาพยนตร์ไทย ชื่อกิจการร่วมค้าภาพยนตร์วัยเป้ง 2 และหมู่บ้านโคกะโหลก

มูลค่าการลงทุนของกิจการร่วมค้าดังกล่าว 47 ล้านบาท โดย MONO มีสัดส่วนการลงทุน 60% คิดเป็นเงินลงทุน 28.20 ล้านบาท

ก็น่าสนใจนะ ถือเป็นโอกาสใหม่ของ MONO ก็ว่าได้…

ส่วนที่มาที่ไป คงเป็นเพราะผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ บางปีมีกำไร ถัดมาอีกปีขาดทุนซะงั้น…ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปี 2567 มีตัวเลขขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 73.61 ล้านบาท จากรายได้รวม 975.25 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันมีตัวเลขขาดทุนสะสมยังไม่ได้จัดสรรปาไป 2,789.35 ล้านบาท เลยทีเดียว

แล้วถ้าใครที่เป็นแฟนคลับติดตามดูช่อง MONO29 จะเห็นถึงความพยายามในการดิ้นรนหนีตาย อุ๊ย…ปรับตัวของ MONO นะ

จากดั้งเดิมเป็นช่องที่มีแค่หนังฝรั่ง หลัง ๆ มาเริ่มมีซีรีส์เกาหลี รายการกีฬา รายการไลฟ์สไตล์ และรายการข่าว เข้ามาเสริมทัพความแกร่ง รวมทั้งการดึง แดง-ธัญญา โสภณ ผู้จัดละครคนดังจากย่านพระราม 4 มานั่งตำแหน่งฝ่ายผลิตรายการของ MONO Next เพื่อผลิตละครไทยดึงดูดคนดู แต่จนแล้วจนรอดก็มีละครไทยออกมาแค่ไม่กี่เรื่อง ที่สำคัญยังไม่มีเรื่องไหนปังเลยน่ะสิ..!!

ส่วนที่เอาหนังเก่ามาฉายวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีแค่เหตุผลเดียวคือต้องการประหยัดต้นทุน เลยไม่ซื้อของใหม่มาเพิ่ม…โปรดเข้าใจตามนี้

ดังนั้นการที่ MONO หันมาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์เสียเอง อันดับแรก มีโอกาสสร้างรายได้จากภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ถัดมาสามารถนำคอนเทนต์ที่ผลิตมาซัพพอร์ตช่องของตัวเอง เพื่อลดต้นทุนในการซื้อลิขสิทธิ์หนังจากต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน ช่วยลดความเสี่ยงของกล่อง MONOMAX ซึ่งตอนนี้กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว (3BB เจ้าของกล่องปัจจุบันเป็นของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC) ซึ่งวันดีคืนดี ADVANC อาจยกเลิกกล่อง MONOMAX ก็ได้ใครจะไปรู้ เนื่องจากมี AIS PLAYBOX อยู่แล้ว

แต่จะว่าไปโมเดลนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC หรือช่อง 3 ก็ไปจับไม้จับมือกับพันธมิตร M Studio และเมเจอร์ในการสร้าง “ธี่หยด” และ “มานะแมน” จนสร้างรายได้ถล่มทลายมาแล้ว

เอ๊ะ…หรือ MONO เห็นช่อง 3 ทำหนังแล้วปัง เลยจะลองทำบ้างใช่มะ ๆ ๆ

…อิ อิ อิ…

Back to top button