Apple ในจีน
ในปีนี้ อุปกรณ์พกพาของแอปเปิลอาจจะได้ชื่อว่ามีนวัตกรรมสูงสุดทางการตลาดในโลกแต่ยกเว้นที่จีนเพราะล่าสุดอุปกรณ์ของแอปเปิล อย่าง iPhone และ iPad กำลังถูกคู่แข่งในตลาดจีนไล่ล่า
ในปีนี้ อุปกรณ์พกพาของแอปเปิลอาจจะได้ชื่อว่ามีนวัตกรรมสูงสุดทางการตลาดในโลกแต่ยกเว้นที่จีนเพราะล่าสุดอุปกรณ์ของแอปเปิล อย่าง iPhone และ iPad กำลังถูกคู่แข่งในตลาดจีนไล่ล่าจนกระทั่งสูญเสียฐานะนำในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของโลกไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากคู่แข่งในตลาดบนอย่างหัวเว่ยและตลาดล่างอย่างเช่นออปโป้และวีโว่ถูกแย่งชิงตลาดไปอย่างชัดเจน
ดูเหมือนว่าแอปเปิลจะเสียเปรียบในตลาดจีนอยู่พอสมควรจากกระแสความนิยมสมาร์ทโฟนแบบพับได้ที่กำลังมาแรง เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า การแข่งขันนี้จะเป็นไปในทิศทางใด แอปเปิลจะแก้เกมในครั้งนี้อย่างไร จะเบียดกลับขึ้นมาได้ หรือจะปล่อยให้หัวเว่ยทิ้งห่างออกไปอีก
ความเหนือกว่าของผลิตภัณฑ์จีนอย่างหัวเว่ยนั้นทำให้แอปเปิลหมดความสามารถที่จะอวดอ้างเทคโนโลยีของตัวเองในขณะที่สินค้าตลาดล่างของจีนอย่าง Oppo และวีโว่ก็ปรับคุณภาพขึ้นมาใกล้เคียงกับ Apple ในราคาต่ำกว่ามาก ส่วนเสียวหมี่นั้นเน้นราคาถูกเป็นหลักเพื่อครองใจตลาดล่าง
แม้ล่าสุด Apple จะปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ด้วยการเปิดช่องให้เอเย่นต์เข้ามากระจายสินค้าในราคาที่ยืดหยุ่นได้ทำให้ รักษาฐานผู้ใช้ iPhone และ iPad ไว้ได้ แต่ล่าสุดกลยุทธ์ของ Huawei ที่นำเสนอนวัตกรรมล่าสุดก็เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดกลับคืนไปได้
นับเป็นข่าวใหญ่ในวงการสมาร์ทโฟนไฮเอนด์เมื่อแอปเปิล ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน iPhone จากสหรัฐฯ ร่วงจากตำแหน่งผู้นำ 5 อันดับแรกในตลาดสมาร์ทโฟนของจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีด้วยยอดจัดส่งในจีนที่ลดลง 3.1% ในไตรมาส 2/2567 ขณะที่แบรนด์คู่แข่งอย่างหัวเว่ย (Huawei) กลายเป็นผู้นำในกลุ่มสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ โดยมียอดจัดส่งเพิ่มขึ้น 11% ในช่วงเวลาเดียวกัน พร้อมส่งสารท้ารบถึงแอปเปิลอย่างโจ่งแจ้งด้วยการประกาศว่าจะเปิดตัว Huawei Mate XT สมาร์ทโฟนรุ่นพับได้ 3 ทบ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปิดตัว IPhone 16 ของ Apple
จุดพลิกผันตำแหน่งผู้นำของแอปเปิลในปีนี้เริ่มสั่นคลอนเพราะความนิยมหัวเว่ยยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่จีนสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ iPhone และสมาร์ทโฟนจากต่างชาติในการทำงาน การคุมเข้มแอปสโตร์ และกระแสนิยมในโทรศัพท์มือถือแบบพับได้ในจีนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขาย iPhone ของแอปเปิลในจีนลดลง 24% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วง 6 สัปดาห์แรกของปี 2567 และทำให้แอปเปิลร่วงลงมาอยู่ในอันดับที่ 4 ในตลาดจีน สวนทางกับคู่แข่งหลักอย่างหัวเว่ยที่ลุยตลาดสมาร์ทโฟนแบบพับได้จนดันยอดขายปรับตัวขึ้น 64% ในช่วงเวลาเดียวกัน และทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 2 ของตลาด
เหมิงเหมิง จาง นักวิเคราะห์อาวุโสของเคาน์เตอร์พอยต์ กล่าวว่า แอปเปิลเผชิญการแข่งขันรุนแรงในตลาดระดับไฮเอนด์จากหัวเว่ยที่ฟื้นตัวขึ้น ขณะเดียวกันก็ถูกบีบจากตรงกลางด้วยการตั้งราคาที่ดุเดือดจาก ออปโป้ (Oppo) วีโว่ (Vivo) และเสียวหมี่ (Xiaomi) บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำจากจีน
แอปเปิลลดราคากู้ยอดขาย จากข้อมูลของคานาลิสซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ตลาดเทคโนโลยีชั้นนำของโลกจากสิงคโปร์ชี้ว่า ยอดส่งมอบ iPhone ในจีนลดลง 25% ในไตรมาส 1/2567 สู่ระดับประมาณ 10 ล้านเครื่อง ทำให้แอปเปิลร่วงลงสู่อันดับที่ 5 ในตลาดสมาร์ทโฟนไฮเอนด์จีน ขณะที่หัวเว่ยส่งมอบสมาร์ทโฟนในจีนจำนวน 11.7 ล้านเครื่อง ซึ่งพุ่งขึ้น 70% และกลับมารั้งอันดับ 1 ในตลาดจีนอีกครั้ง
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้แอปเปิลอนุญาตให้ผู้แทนจำหน่ายในประเทศจีนเสนอส่วนลดราคา IPhone เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อ โดยหวังจะชิงส่วนแบ่งตลาดคืนมา ซึ่งตอนแรกก็ดูเหมือนว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะได้ผล เมื่อยอดขายพุ่งขึ้นประมาณ 12% ในเดือนมี.ค 2567 และพุ่งขึ้น 52% ในเดือนเม.ย. 2567
แต่แอปเปิลก็ใจชื้นได้เพียงไม่นาน เมื่อหัวเว่ยเปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ Pura 70 ในวันที่ 18 เม.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า อาจมีชิปขั้นสูงที่ผลิตในจีน คล้ายกับเทคโนโลยีที่ใช้ในรุ่น Mate 60 โดยสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวสามารถสร้างปรากฏการณ์ขายหมดสต๊อกในร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยหลังจากที่เริ่มจำหน่ายภายในนาทีเดียว
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังปรับกลยุทธ์ด้านค้าปลีกและเปิดแฟล็กชิปสโตร์ในจีนเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งในช่วงเดือนธ.ค. 2566-ก.พ. 2567 ซึ่งร้านบางแห่งตั้งอยู่ใกล้กับร้านของแอปเปิล แสดงให้เห็นถึงการท้าทายคู่แข่งยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ รวมถึงความแน่วแน่ในการจะแซงหน้าแอปเปิลกลับขึ้นไปเป็นเจ้าตลาดสมาร์ทโฟนจีนอีกครั้ง
และล่าสุด หัวเว่ยได้ท้ารบซึ่งหน้าด้วยการประกาศเปิดตัว Huawei Mate XT แบบพับได้ 3 ทบ ซึ่งซุ่มพัฒนามานานถึง 5 ปี ในวันที่ 10 ก.ย. 2567 ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปิดตัว IPhone 16 โดยหัวเว่ยเปิดให้พรีออเดอร์เมื่อวันที่ 7 ก.ย. และสามารถกวาดยอดไปได้มากกว่า 3.5 ล้านเครื่อง ณ เวลาเที่ยงวันของวันที่ 10 ก.ย.
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ว่า iPhone 16 Pro Max ของแอปเปิลจะมีราคาเริ่มต้น 1,199 ดอลลาร์ ส่วน iPhone 16 ในราคา 799 ดอลลาร์ ซึ่งทั้งหมดล้วนมาพร้อมกับฟีเจอร์ AI ในชื่อ Apple Intelligence ที่ช่วยยกระดับสมรรถนะของ Siri และช่วยสร้างอีโมจิตามต้องการ ซึ่งพร้อมให้อัพเดทซอฟต์แวร์ฟรีเดือนหน้า ตลอดจนปุ่มควบคุมกล้องที่ปรับแต่งได้
ด้าน Mate XT ของหัวเว่ยเองก็มีฟีเจอร์ AI เช่นเดียวกัน อาทิ การแปลข้อความ และการสร้างคอนเทนต์บนคลาวด์ ราคาตั้งแต่ 2,809-3,371 ดอลลาร์ เมื่อกางออกตัวเครื่องจะมีความหนา 3.6 มิลลิเมตร ขนาดหน้าจอ 10.2 นิ้ว และสามารถใช้งานกับคีย์บอร์ดแบบพับได้
ความเหนือกว่าของเทคโนโลยีของ Huawei ทำให้ Apple ใช้กลยุทธ์สู้ราคาไม่สำเร็จซึ่งหากปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไป Apple จะสูญเสียลูกค้าระดับไฮเอนด์ให้หัวเว่ยอย่างไม่มีวันกลับมาได้อีก ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีกับ Apple เพราะการแข่งขันด้านราคากับ Oppo วีโว่ และเสียวหมี่ ด้วยข้ออ้างเรื่องความเหนือกว่าด้านนวัตกรรมใช้ไม่ได้อีกต่อไป
วิษณุ โชลิตกุล