3 ตัวเต็ง ‘เวอร์ชวลแบงก์’

ธุรกิจเวอร์ชวลแบงก์ จะปิดรับสมัครในวันนี้ (19 ก.ย.) หากอ้างอิงจากข้อมูลของ ธปท. จะประกาศผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 3 ราย


ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแบงก์) จะปิดรับสมัครในวันนี้ (19 ก.ย.)

หากอ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 3 ราย (จากที่คาดว่าจะมีผู้ขอยื่นรวม 4 กลุ่ม) ในเดือนมิ.ย. 2568 และสุดท้ายจะมีการออกใบอนุญาต และเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมิ.ย. 2569

มีการวิเคราะห์จาก UOBKH ว่า ในบรรดากลุ่มพันธมิตรที่มีธนาคารพาณิชย์ไทยร่วมด้วย จะมีความได้เปรียบในการพิจารณาเพื่อขอใบอนุญาต

1.กลุ่มแรก นำโดย บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ร่วมมือกับ “คาเคาแบงก์” (KaKaoBank) จากเกาหลีใต้และ “วีแบงก์” (WeBank) จากจีน

ทั้ง 3 บริษัทตั้งใจจะยื่นสมัครเป็นกลุ่มพันธมิตรเดียวกัน

  • คาเคาแบงก์ เป็นดิจิทัลแบงก์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน 22.8 ล้านคน และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 2.43 แสนล้านบาท
  • วีแบงก์ มีจำนวนผู้ใช้งาน 365 ล้านคน และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 7.48 แสนล้านบาท
  • SCB เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทยที่มีการลงทุนในดิจิทัลแบงก์อย่างมาก และมีฐานผู้ใช้ในธนาคารบนโทรศัพท์มือถือจำนวน 16 ล้านคน

กลุ่มนี้จะใช้ประโยชน์ในดิจิทัลแบงก์จาก คาเคาแบงก์ และวีแบงก์ ที่มีจำนวนผู้ใช้งานจำนวนมาก เพื่อมาปรับใช้กับธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา

2.กลุ่มสอง นำโดยบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มีความร่วมมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB

ล่าสุดกัลฟ์ฯ ให้ ADVANC ร่วมมือเป็นพันธมิตร ดังนั้น ทำให้กลุ่มนี้จะมี ADVANC, OR และ KTB ที่ร่วมเป็นกลุ่มพันธมิตร

กัลฟ์ฯ ถอนตัวเองจากความร่วมมือ เพราะถือหุ้นใน ADVANC อยู่ 40% ดังนั้นกัลฟ์ฯ ยังคงได้ประโยชน์จากการร่วมเป็นพันธมิตรผ่าน ADVANC

โดย OR มีจำนวนสมาชิกบลูการ์ด จำนวน 7.9 ล้านคน

ส่วน ADVANC มีจำนวนผู้ใช้งานมือถือและอินเทอร์เน็ตบ้านรวม 49.3 ล้านคน และ KTB ให้บริการแอปพลิเคชันเป๋าตังและถุงเงินโดยมีจำนวนผู้ใช้รวม 59 ล้านคน

กลุ่มพันธมิตรนี้มีโอกาสที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา เนื่องจากกัลฟ์ฯ มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลไปแล้ว และยังให้ความสำคัญกับธุรกิจดิจิทัล

ส่วน KTB เป็นธนาคารที่มีเครือข่ายลูกค้าทั่วประเทศ รวมถึงในต่างจังหวัด จึงทำให้มีฐานผู้ใช้ที่แข็งแกร่งจากหลายนโยบายและมาตรการของภาครัฐที่ผ่านมา

3.กลุ่มที่สาม นำโดย CP Group เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ประกาศความร่วมมือกับ “แอนท์ กรุ๊ป” (Ant Group) ซึ่งเป็นผู้นำในฟินเทคและเป็นบริษัทลูกของอาลีบาบา (Ailbaba) จากจีน มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 1.3 พันล้านคน ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 2.81 ล้านล้านบาท

ขณะที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ จะส่งทรูมันนี่ เป็นบริษัทลูกของบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ เพื่อร่วมกันทำธุรกิจฯ

ทรูมันนี่ มีฐานผู้ใช้ 27 ล้านคนทั่วประเทศ มีการใช้จ่ายผ่านสาขาเซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 14,500 สาขา และโลตัส ซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 2,400 สาขา

มีการวิเคราะห์ด้วยว่า แอปพลิเคชัน อาลีเพย์ให้บริการมากกว่า 1 พันล้านคนในจีน

อาลีเพย์ อนุมัติสินเชื่อและให้กู้ยืมแก่เกษตรกรที่อยู่ห่างไกลโดยใช้ดาวเทียม

จึงคาดว่าแอนท์ กรุ๊ป จะนำนวัตกรรมในดิจิทัลแบงก์มาปรับใช้กับธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา ทำให้กลุ่มพันธมิตรนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะรับใบอนุญาตธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา

ส่วนอีกกลุ่ม หรือกลุ่มที่สี่ นำโดย บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS จะเข้าร่วมทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา

VGI มีการเพิ่มทุน เพื่อที่จะทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาจำนวน 7.5 พันล้านบาท ซึ่ง VGI จะเข้าถือหุ้นไม่เกิน 25% ขณะที่ VGI มีประสบการณ์ในการให้บริการบัตรแรบบิท ที่ให้เติมเงินเพื่อเป็นบัตรโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส

นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ด้วย

สำหรับกลุ่มเจมาร์ทนั้น ล่าสุด ได้รับการยืนยันว่า วันนี้ (19 ก.ย.) ไม่ได้ยื่นขอใบฯ แน่นอน

โดยเจมาร์ทฯ (JMART) มีกลุ่มบีทีเอสถือหุ้นรวมกันประมาณ 25%

แต่มีข่าวอีกเช่นกันว่า เจมาร์ทฯ (อาจ) ไม่ปิดกั้นตนเอง หากแบงก์ชาติมีการเปิดให้ยื่นขออนุญาตเวอร์ชวลแบงก์ในรอบถัดไป

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button