พักแถว 1,427 จะดีมาก
ในเมื่อสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอยู่ในลู่ทางที่สดใส และกำลังเดินหน้าขึ้นอย่างแข็งแกร่ง “โมนิก้า” ก็ไม่มีอะไรต้องวิตกกังวลอีกต่อไป
ในเมื่อสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอยู่ในลู่ทางที่สดใส และกำลังเดินหน้าขึ้นอย่างแข็งแกร่ง “โมนิก้า” ก็ไม่มีอะไรต้องวิตกกังวลอีกต่อไป เพราะแรงขับเคลื่อนเที่ยวนี้เป็นผลมาจากเงินทุนไหลเข้าเป็นสำคัญ และยังได้รับแรงหนุนจากการมาของกองทุนวายุภักษ์ รวมทั้งยังมีเรื่องดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงเข้ามาเสริมอีกทางหนึ่ง จึงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้นพะย่ะค่ะ
ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้เดี๊ยนมองอาการดัชนีทะยานขึ้นแรงตอนเปิดเทรด ต่อจากนั้นเริ่มย่อตัวลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,435.77 จุด ลบไป 0.83 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.66 หมื่นล้านบาท ถือเป็นเรื่องปกติในยามที่ตลาดหุ้นไทยเตรียมตัวจะไปต่อ และตราบใดที่ดัชนียังยืนเหนือเส้นแนวรับระยะสั้นที่บริเวณ 1,427 จุด ก็ยังเชื่อได้ว่า โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในทิศทางไซด์เวย์อัพนะจ๊ะ
ที่สำคัญหากดูการเคลื่อนตัวของดัชนีก่อนหน้านี้จะเห็นว่า ขึ้นลงในลักษณะจุดต่ำสุดสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” ยังเชื่อว่า หลายอย่างกำลังเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงแรงขายที่ออกมาจากนักลงทุนสถาบันเมื่อวันก่อน ก็เป็นการขายออกมานิด ๆ หน่อย ๆ ไม่รุนแรงเหมือนในช่วงครึ่งแรกปี 67 เดี๊ยนถึงรู้สึกสบาย ๆ และไม่ซีเรียสกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้เจ้าค่ะ
โดยเฉพาะการย่อตัวของแบงก์ตราดอกบัว BBL ลงมายืนที่ระดับ 155 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 2.21% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.90 พันล้านบาท อาจเป็นภาพรุนแรงสำหรับการเทรดหุ้นวานนี้ แต่ถ้าดูย้อนหลังกลับไปจะเห็นว่า หุ้นขึ้นจากบริเวณ 138 บาท พร้อมกับไต่เพดานขึ้นไปถึงระดับ 160 บาทในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ก็ควรมีการขายทำกำไรกันออกมาบ้าง เพื่อหุ้นจะได้สร้างฐานใหม่ที่มั่นคงนะออเจ้า
ส่วนอีกรายที่โดนขายหนักแบบไม่ปรานี แต่ราคาหุ้นก็กลับมาได้ทุกครั้ง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นโรงแรม AWC เป็นรายถัดมา เพราะเที่ยวก่อนขึ้นไปถึง 3.80 บาท แต่หลังจากนั้นโดนกดลงมาที่ 3.20 บาท ก่อนจะดันกลับขึ้นไปที่ 3.80 บาท แต่จากนั้นโดนรินขายเบา ๆ ลงมาที่บริเวณ 3.56 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นยืนปิดที่ระดับ 3.76 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 1.05% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 487 ล้านบาท มีอะไรต้องวอรี่อีกไหมตัวเอง
เช่นเดียวกับในรายของ HMPRO ก็มีอาการเหมือนไปต่อไม่ไหว แต่ยังประคองตัวเกาะแนวรับที่ระดับ 10.50 บาทได้อย่างเหนียวแน่นร่วมสัปดาห์ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 10.60 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 754 ล้านบาท โดยเชื่อกันว่า ผลงานไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก รวมทั้งได้แรงหนุนจากเรื่อง ESG เข้ามาเป็นกองหนุนแบบนี้..มันน่ากลัวตรงไหนมิทราบ!
เมาท์ถึงเรื่องน่ากลัวขึ้นมาปุ๊บ เดี๊ยนนึกถึงพ่อดอกมะลิ JAS ขึ้นมาทันที เพราะเที่ยวก่อนเพิ่งทำขาลุยร้องจ๊ากกันเป็นแถว “โมนิก้า” ถึงไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 2.80 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 8.53% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 474 ล้านบาท เหมาะต่อการตามน้ำไหม? เพราะในช่วงหลัง ๆ การมาของหุ้นตัวนี้ มักมาด้วยวิธีพิสดาร จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่า หุ้นขึ้นมาได้อย่างไรคะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น ARIN เป็นรายถัดมา เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.13 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 26.97% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97 ล้านบาท ทั้งที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญแบบนี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า การขึ้นเที่ยวนี้ไม่เกี่ยวพื้นฐานอย่างแน่นอน เพราะคนที่กล้าลุยหุ้นประเภทนี้มีแค่พวกเสือปืนไว ซึ่งไม่ได้หวังผลระยะยาวอะไรทั้งสิ้นกระมัง!..อิอิอิ
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นเหล็ก ZIGA จู่ ๆ ก็พุ่งพรวดขึ้นไปถึงระดับ 2.20 บาท ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 2.06 บาท บวกไป 0.17 บาท หรือขึ้นไป 8.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77 ล้านบาท เดี๊ยนมองไม่ออกจริง ๆ ว่า หุ้นตัวมาด้วยเหตุอะไร? เพราะแค่มองเรื่อง “เหล็กจีน” ตี “เหล็กไทย” ตายเกลื่อนเป็นสารตั้งต้น เพียงเท่านี้ก็มองไม่เห็นโอกาสที่บริษัทจะปั๊มกำไรโต เพราะเกมดัมพ์ราคาขายเหล็กเพียว ๆ และวัดกันว่า สายป่านใครยาวกว่ากันนะคุณแม๊!
โมนิก้า: และทีมงาน