พาราสาวะถี

เห็นรายชื่อ 5 คณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของ แพทองธาร ชินวัตร แล้ว ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีการกระแนะกระแหน แซะไปถึง ทักษิณ ชินวัตร


เห็นรายชื่อ 5 คณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของ แพทองธาร ชินวัตร แล้ว ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีการกระแนะกระแหน แซะไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ผู้พ่อว่าน่าจะมีส่วนสำคัญต่อการชี้นำในการเลือกคณะที่ปรึกษาชุดนี้ การปรากฏชื่อ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ นั่งประธานที่ปรึกษาก็รู้แล้วว่า นี่คือการต่อยอดสายสัมพันธ์มาตั้งแต่รุ่นพ่อ เช่นเดียวกันกับอีก 4 รายที่เหลือ ล้วนแต่เป็นคนกันเองที่คุ้นเคย และมีตำแหน่ง บทบาททางการเมืองในยุคของนายใหญ่ และรัฐบาลต่อ ๆ มาแทบทั้งสิ้น

เว้นก็แต่ ศุภวุฒิ สายเชื้อ ตรงนี้จะได้ภาพของความเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อก้อง ที่จะเข้ามาช่วยงานขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นที่ยอมรับจากฝ่ายที่เคยขวางหลายเรื่องในยุค เศรษฐา ทวีสิน ได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ ธงทอง จันทรางศุ ที่มีภาพของการได้รับความนับถือ ไว้วางใจจากสังคมวงกว้าง ส่วน “หมอเลี้ยบ” นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี พร้อม พงศ์เทพ เทพกาญจนา ก็ถือว่าเป็นนักการเมืองน้ำดีที่มีความรู้ ความสามารถ ทำให้กระบวนการคิด และนำไปสู่การตัดสินใจของอุ๊งอิ๊งมีความรอบคอบมากขึ้น

จะเห็นได้ว่าหลังจากที่เศรษฐาถูกเล่นงานด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมที่กว้างขวาง ทำให้กระบวนการตรวจสอบสำหรับผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ต้องได้รับการสแกนกันละเอียดยิบ นั่นหมายความว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่จะเข้ามามีบทบาทร่วมในรัฐบาลแพทองธาร ต้องสะอาด โปร่งใส ไร้ตำหนิทุกด้านที่จะถูกนำไปสู่การยื่นตีความ และส่งผลให้ผู้นำประเทศต้องตกม้าตายได้ มาตรการเช่นนี้ไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน มิหนำซ้ำ ยังจะทำให้เกิดความสบายใจที่จะทำงานกันแบบยาว ๆ ได้

นโยบายที่ต่อยอดมาจากรัฐบาลก่อนหน้า และเพิ่มเติมเข้าไปบางส่วน ทำให้เมื่อเริ่มทำงานได้อย่างเป็นทางการ หลายเรื่องจึงสามารถเดินต่อได้ทันที เริ่มจากเรื่องปัญหาน้ำท่วม หลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันแรกก็มีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะต่อด้วยมติจากที่ประชุม ครม.นัดแรกในเรื่องการเยียวยา ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากจะต้องทำให้เร็วแล้ว นายกฯ หญิงยังสั่งให้การประเมินความเสียหายต้องดูหน้างานที่แท้จริงด้วย ไม่ใช่ยึดหลักเกณฑ์ของทางราชการเพียงอย่างเดียว

หลังประชุม ครม.นัดแรกเช่นกัน ที่แพทองธารได้แถลงถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ต่อการจะแจกเงินสดคนละ 1 หมื่นบาทให้แก่กลุ่มเปราะบางและผู้พิการ จำนวน 14.5 ล้านคน เริ่มก้อนแรกในวันที่ 25 กันยายนนี้ ถือว่าได้ทำตามสัญญาที่ประกาศไว้ แม้จะผิดจากการหาเสียงที่จะเป็นการแจกเงินดิจิทัลก็ตาม เพราะยังเหลือกลุ่มที่ลงทะเบียนไว้แล้วอีก 36 ล้านคน ที่รัฐบาลจะต้องเร่งเดินหน้าในเฟสสอง ซึ่งยังรอคำตอบว่าจะจ่ายเป็นเงินสดหรือดิจิทัล แล้วจะจ่ายเต็มจำนวนทีเดียวหรือครึ่ง ๆ

รวมไปถึงในส่วนของผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ที่ได้มีการประกาศเลื่อนการลงทะเบียนออกไปไม่มีกำหนด ก็ต้องเร่งทำให้เกิดความชัดเจนด้วยเหมือนกัน อย่างน้อยการได้เริ่มต้นด้วยจำนวนคนที่ 14.5 ล้านคนไปก่อน ก็ทำให้กระแสโจมตีเบาบางไปได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่นโยบายที่ 3 ที่แพทองธารได้นั่งหัวโต๊ะกระตุ้นให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็วคือ การแก้ปัญหายาเสพติดที่รัฐบาลเก่าทำให้ 25 จังหวัดเป็นพื้นที่เป้าหมายที่จะต้องปลอดยาเสพติด การดำเนินการมาถึงปัจจุบันถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

ในการประชุมอุ๊งอิ๊งได้สั่งการให้วางเป้าหมายที่จะขยายพื้นที่ปลอดยาเสพติดให้เพิ่มมากขึ้น และครอบคลุมทั้งประเทศให้เร็วที่สุด ซึ่งคงจะดำเนินการควบคู่ไปกับการทำสงครามกับยาเสพติดที่ไม่ใช่แค่นำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัด และคืนสู่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ต้องกวาดล้างผู้ค้ายารายใหญ่และรายเล็กให้ลดน้อยลงจากที่เป็นอยู่ มาตรการตรงนี้เป็นสิ่งที่บรรดานักสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย รวมถึงฝ่ายตรงข้ามจ้องจับผิดกันอยู่

ส่วนนโยบายที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จริงอยู่เป็นงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ทว่ามีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลในแง่ของหัวขบวนในการขับเคลื่อนต้องเป็นพรรคเพื่อไทย ที่นายกฯ เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ดังนั้น การขยับที่เป็นประเด็นอยู่เวลานี้ว่าด้วยการเสนอแก้ไขรายมาตราที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องทำอย่างไรไม่ให้ถูกนำไปเป็นเป้าโจมตีว่า แก้ไขเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองเอง ปมประเภทนี้พวกคนดีย์ชอบนำไปขยายผล แสวงหาแนวร่วมในการต่อต้านได้ผลดีนักแล

การเริ่มต้นทำงานของแพทองธารทำให้เห็นว่าจะเน้นหนักในเรื่องเร่งด่วนที่เป็นปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของประชาชน และส่วนที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา คงหนีไม่พ้นต้องขยันเหมือนที่เศรษฐาได้ทำไว้ แต่การสื่อสารน่าจะลดน้อยลง เพื่อไม่ให้เกิดประเด็นที่จะถูกนำไปโจมตีโดยไม่จำเป็น ถือเป็นการเริ่มงานที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับรายของ ภูมิธรรม เวชยชัย ในบทบาทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีปมโผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพลซึ่งค้างมาจากยุคของ สุทิน คลังแสง ที่เป็นเผือกร้อนรอการตัดสินใจ

ทั้งนี้ บิ๊กอ้วนได้ยืนยันแล้วว่าทุกอย่างจะต้องจบภายในสัปดาห์นี้ และน่าจะเป็นไปตามนั้น กับการยืนยันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า รายชื่อที่ผ่านการคัดกรองมาจาก 7 เสือกลาโหม เก้าอี้ที่มีปัญหาคือผู้บัญชาการทหารเรือนั้น ตกผลึกที่ชื่อของ “บิ๊กแมว” พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 23 ของ พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.คนปัจจุบัน แม้จะถูกทักท้วงจากกรรมการ 7 เสือบางราย และกระแสต่อต้านภายในกองทัพเรือ ด้วยเหตุผลไม่ได้จบจากโรงเรียนนายเรือ แต่จบจากนายเรือเยอรมัน

อาจจะเป็นการแหวกประเพณีของลูกประดู่ แต่ไม่ได้มีผลต่อคุณสมบัติด้านอื่นที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำของชาวราชนาวีได้ จึงทำให้สามารถเคาะกันจบในที่สุด ปลดล็อกตรงนี้ได้บิ๊กอ้วนก็โล่งใจเป็นที่สุด แวดวงคนมีสีคงหันไปจับตาที่วงการสีกากี เก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่จะเป็นใคร การที่ไม่มี “บิ๊กโจ๊ก” พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นก้างขวางคอ ก็น่าจะทำให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ที่แพทองธารขอดูเองนั้น ไม่น่ามีเรื่องอะไรให้หนักใจเหมือนที่ผ่านมา

อรชุน

Back to top button