ชิงขายก่อน

สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” จั่วหัวเรื่อง “ชิงขายก่อน” ไม่ได้เกิดจากความไม่มั่นใจในตลาดหุ้นไทย แต่เป็นเพราะพฤติกรรมของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้ยุทธวิธีนี้มากขึ้น


สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” จั่วหัวเรื่อง “ชิงขายก่อน” ไม่ได้เกิดจากความไม่มั่นใจในตลาดหุ้นไทย แต่เป็นเพราะพฤติกรรมของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้ยุทธวิธีนี้มากขึ้น โดยตีความได้ทั้ง “มุมบวก” และ “มุมลบ” ซึ่งขึ้นอยู่กับนักลงทุนได้รับข้อมูลมาแบบใด แต่สำหรับอีฉันกลับมองสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เป็นเพียงแค่การเขย่าเอาของ หลังเห็นกันทนโท่ว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีแก๊ปให้วิ่งต่ออีกเพียบเจ้าค่ะ

โดยเฉพาะประเด็นของเม็ดเงินก้อนใหม่ที่จะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นแสนล้าน มันคือเครื่องมือพยุงตลาดหุ้นให้ยืนในระดับนี้ไปอีกนาน “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนลองประเมินการยืนของดัชนีที่ระดับ 1,447.90 จุด ลบไป 3.79 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.06 หมื่นล้านบาท เหมาะต่อการ “ขาย” หรือ “ซื้อ” มากกว่ากัน เพราะเดี๊ยนไม่อยากถูกครหาว่า ชี้นำสังคมมากเกินไป (ที่ผ่านมาเดี๊ยนเชียร์ให้ลุยสุดซอย เพราะของมันเห็นเต็มตาว่า เงินจ่อไหลเข้าเพียบ) น่ะซี

เหมือนกับในรายของ EA ที่ก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” เล่าเป็นฉาก ๆ ให้ฟังว่า ถ้ามีเงินก้อนใหม่เข้ามาในบริษัท 1.50 หมื่นล้าน ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ ส่วนราคาหุ้นจะสวิงไปมาตามข่าวที่ออกมาเป็นระลอก แต่อย่างน้อย ๆ ราคาหุ้นก็ควรขึ้นไปยืนเท่ากับบุ๊กที่ระดับ 10.37 บาท เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินจากสิ่งที่เล่าให้ฟังน่าเชื่อถือขนาดไหน? เพราะมันคือคำตอบที่บอกให้รู้ว่า การยืนปิดที่ 9.20 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่า 1.84 พันล้านบาทน่าซื้อไหม?

เช่นเดียวกับในรายของ KTB ก็เป็นหุ้นอีกตัวที่เดี๊ยนพยายามย้ำกับนักเล่นว่า นี่คือแบงก์ที่ถูกใช้สนองรัฐแบบสุดซอย จึงไม่ควรเสียเวลาหาเหตุผลอื่นใดมาซัพพอร์ต เพราะการยืนปิดที่ระดับ 20.70 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.50% ด้วยมูลค่า 1.53 พันล้านบาท มันเป็นการดีดตัวรับข่าวเงินก้อนใหม่กำลังจะเข้ามาดันหุ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดทางให้พวกใจเสาะออกของไปก่อนนะจ๊ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น BTS ขึ้นมาอีกครั้ง หลังหุ้นออกอาการขึ้นไม่ไหว และกำลังโรยตัวลงอย่างช้า ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 4.58 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 498 ล้านบาท ก็เป็นผลสืบเนื่องจากความกังวลที่ว่า หมดสัมปทานจะเอาอะไรกิน? ทั้งที่ความเป็นจริงยังมีสัญญารับจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุงอยู่ในมือแบบนี้ เหมือนบอกให้รู้ว่า นักลงทุนยังแหยงอยู่นะคะ

เมาท์ถึงหุ้นที่มีเรื่องมีราวขึ้นมาทั้งที ก็ต้องเอ่ยถึงหุ้น THG เป็นรายถัดมา เพราะไม่นึกไม่ฝันว่า กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีจะมีเรื่องยักยอกภายในกลุ่ม และเป็นเรื่องที่ช็อคพอสมควรเมื่อมีการเอ่ยถึงคนในตระกูล “วนาสิน” โดยประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนทิ้งหุ้นทันที จนหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 22 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไป 12.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 245 ล้านบาทแบบนี้ ทำให้เดี๊ยนนึกถึงเรื่องสนามกอล์ฟทันที ซึ่ง “หมอ.บ” น่าจะรู้ดีมันคืออะไร…อิอิอิ

ในเมื่อมาโทนข่าวฉาวกันทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงเจ้าหนูซ่า NUSA กันเลยดีกว่า เพราะการที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษ “เฮียณุ” กับ “เจ๊หมวย” ก็ทำให้โลกของคนค้าขายที่ดินไม่สงบสุขขึ้นมาทันที เพราะแต่ละคนรีบร้อยท่อต่อสายหากันให้วุ่นไปหมด พร้อมกับพูดในลักษณะเดียวกัน GU..ว่าแล้ว! โดยราคาหุ้นทรุดตัวลงไปที่ 0.29 บาท ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดเสมอตัวที่ระดับ 0.32 บาทแบบนี้..เรื่องยาวแน่ ๆ เจ้าค่ะ

สถานการณ์ข้างต้นทำให้เดี๊ยนต้องหันมามองหุ้น KGEN เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นเที่ยวนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะตัวเดินเรื่องที่คนในวงการเม้าท์ถึงก็คือ “หลิน” ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าพ่อรถอีวีของประเทศไทย และการผันตัวเองมาอยู่ตรงนี้ จึงตามด้วยข่าวเม้าท์ที่ว่า เขาจะปลุกปั้นบริษัทนี้ให้เป็นเจ้าพ่อวงการรถอีวีรายใหม่ หุ้นถึงดีดตัวขึ้นมาปิดที่ 1.85 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 3.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 128 ล้านบาทนะตัวเอง

ตบท้ายกันที่หุ้นทางผ่านของนักเก็งกำไรอย่าง XPG กันดีกว่า เพราะตั้งแต่มีเรื่องแจกเงินดิจิทัล หุ้นตัวนี้ก็ลิงโลดเสียเหลือเกิน แต่ทันทีที่โครงการดังกล่าวส่อเป็นหมัน หุ้นตัวนี้ก็ทรุดลงลูกเดียวเช่นกัน “โมนิก้า” ถึงรู้สึกงง ๆ เมื่อเห็นหุ้นเริ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกครั้งในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ในช่วง 2 วันนี้กลับโดนรินขายออกมาเป็นระลอก จนหุ้นยืนปิดที่ระดับ 1.01 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 57 ล้านบาทแบบนี้..น่าเป็นห่วงนะคะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button