TIPCO กำจัดจุดอ่อน.!

ถ้าพูดถึง บมจ.ทิปโก้ฟูดส์ หรือ TIPCO เป็นหุ้นน้ำผลไม้ที่หลายคนน่าจะรู้จักและคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นเจ้าของน้ำผลไม้พร้อมดื่มแบรนด์ดัง Tipco


ถ้าพูดถึงบริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPCO เป็นหุ้นน้ำผลไม้ที่หลายคนน่าจะรู้จักและคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นเจ้าของน้ำผลไม้พร้อมดื่มแบรนด์ดัง Tipco ซึ่งไม่แน่ตอนนี้บางคนอาจกำลังดื่ม Tipco น้ำสับปะรด หรือไม่ก็ Tipco น้ำกีวีผสมน้ำองุ่น, Tipco น้ำทับทิมผสมน้ำผลไม้รวม, Tipco น้ำผลไม้รวมสูตรแครนเบอร์รี่, Tipco น้ำมะพร้าว, Tipco น้ำพรุนผสมน้ำองุ่น หรือน้ำแร่ออราอยู่ก็ได้นะ…ใครจะไปรู้

หากย้อนไปดูเส้นทางของ TIPCO เป็นบริษัทที่มีอายุขัยเกือบ 5 ทศวรรษแล้ว ก่อตั้งในปี 2519 โดยก่อร่างสร้างตัวมาจากธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์สับปะรดเพื่อการส่งออก อาทิ สับปะรดกระป๋อง น้ำสับปะรดคั้น น้ำสับปะรดเข้มข้น มีโรงงานสับปะรดอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2532

ในเวลาต่อมาได้ขยายไปสู่ธุรกิจน้ำผลไม้พร้อมดื่ม ธุรกิจค้าปลีกน้ำผลไม้ปั่นสด และอื่น ๆ เช่น สับปะรดทิปโก้หอมสุวรรณ, ร้านออแกนิค August, ร้านขนมหวานและเครื่องดื่มจากสับปะรด Homsuwan Pina Pina, เครื่องดื่มเกลือแร่ทิปโก้เวฟ และทิปโก้ บีท เป็นต้น รวมทั้งซื้อโรงงานและเครื่องดื่มน้ำแร่ตราออราเข้ามาอยู่ในพอร์ตตั้งแต่ปี 2548

จะเห็นว่าธุรกิจหลักของ TIPCO ล้อไปกับสินค้าเกษตร ซึ่งมีความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และวัตถุดิบที่มีราคาสูง ทำให้ผลประกอบการในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ยังเห็นกำไร แต่ไม่ได้โตแรงแซงทางโค้ง…มิหนำซ้ำบางปีกำไรถดถอยเสียด้วยซ้ำ

กลายเป็นโจทย์ทางธุรกิจให้ TIPCO ต้องเร่งแก้ไข เลยเป็นที่มาของปฏิบัติการ The Weakest Link หรือกำจัดจุดอ่อน..!! ด้วยการปิดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร นั่นคือธุรกิจการผลิตและจำหน่ายสับปะรดกระป๋อง ภายใต้บริษัท ทิปโก้ ไพน์แอบเปิ้ล จำกัด ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2567 เป็นต้นไป

ส่วนสาเหตุที่ปิดนั้น ระบุชัดว่าเป็นผลมาจากการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง ประกอบกับสภาวะความผันผวนของปริมาณและราคาของวัตถุดิบสำคัญคือผลสับปะรดสดในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ถ้าอยากรู้ว่า “ทิปโก้ ไพน์แอบเปิ้ล” ขาดทุนหนักขนาดไหน..?? ก็ขนาดที่ว่าในรอบ 5 ปีมานี้ เห็นกำไรแค่ปีเดียว นอกนั้นขาดทุนทุกปี…โดยปี 2562 มีรายได้รวม 1,364.74 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 367.28 ล้านบาท ถัดมาปี 2563 มีรายได้รวม 739.53 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 104.01 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มีรายได้รวม 758.21 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.14 ล้านบาท ปี 2565 มีรายได้รวม 1,120.82 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 7.09 ล้านบาท และปี 2566 มีรายได้รวม 633.92 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 198.51 ล้านบาท

งั้นไม่น่าแปลกใจที่ TIPCO ตัดสินใจหยุดธุรกิจผลิตและจำหน่ายสับปะรดกระป๋อง เพราะถ้ายังขืนดันทุรังทำต่อไปมีแต่ขาดทุนกับขาดทุนนะจิบอกให้…

ตอนนี้ TIPCO คงกำลังร้องเพลง…หนักเกินไปแล้ว เกินจะแบก แบกมันไว้จนเต็มบ่า…อยู่แหง ๆ

แต่ที่เอ๊ะ…เห็นจะเป็นย่อหน้าสุดท้ายของเอกสารที่แจ้งตลาดฯ ซึ่งระบุว่า “การหยุดการดำเนินงานในธุรกิจดังกล่าว เป็นการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจภายในของบริษัทฯ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่ดำเนินการอยู่ โดยธุรกิจนี้คิดเป็นประมาณ 22% ของรายได้รวม”

คิดเป็นสัดส่วนตั้ง 22% ของรายได้รวม แล้วมาบอกว่าไม่กระทบแน่นะวิ..?? หลอกกันป๊ะเนี่ย..??

หรือกำลังจะบอกว่า ที่ไม่กระทบเพราะกำไรส่วนใหญ่ของ TIPCO จริง ๆ แล้วไม่ได้มาจากธุรกิจหลัก แต่มาจากเงินลงทุนในบริษัทย่อยอย่างบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ต่างหากล่ะ (TIPCO เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของ TASCO ถือหุ้นในสัดส่วน 23.43%)

นั่นแปลว่าถ้าปีไหน TASCO กำไรโตระเบิดระเบ้อ ก็จะหนุนนำให้กำไรของ TIPCO โตแรงไปด้วย ในทางกลับกันถ้าปีไหน TASCO แย่ ก็จะฉุดให้ TIPCO ย่ำแย่ตามไปด้วยนั่นเอง…

จะให้เข้าใจอย่างนี้ใช่มั้ย..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button