พาราสาวะถี

ลงพื้นที่จ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่จังหวัดเชียงราย และติดตามการแก้ไขปัญหาโคลนทับถมบ้านเรือนชาวบ้านที่อำเภอแม่สาย ก่อนที่จะบินต่อไปติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา จนกระทั่งเย็นวันเสาร์ เรียกว่าเป็นสองวันที่ลุยงานกันแบบเต็มสตรีมสำหรับ แพทองธาร ชินวัตร เป็นที่น่าสังเกตว่าที่จังหวัดเชียงราย ผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าฯ ไม่ได้ตามคณะของนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่แต่อย่างใด

พอจะเข้าใจได้ว่าจะเกษียณอายุราชการกันแล้ว ถ้าเป็นนักฟุตบอลแม้จะถูกขายออกจากทีมหรือแขวนสตั๊ด เมื่อยังเหลือสัญญากับทีมก็ต้องแสดงสปิริตทำการแข่งขันจนวินาทีสุดท้าย ยิ่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ควรแสดงให้คนรุ่นหลังเห็นถึงความทุ่มเทในการทำงาน ไม่ใช่ตั้งตารอวันเปิดตูดหมดอำนาจเพียงอย่างเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ อนุทิน ชาญวีรกูล มท.1 จะควันออกหู แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อยู่ที่ว่าคนที่มีหน้าที่แม้จะเกษียณไปแล้ว เลือกที่จะให้คนจดจำตัวเองแบบไหนเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ของอุ๊งอิ๊งจะเห็นได้ว่ามี พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ติดตามรายงานการปฏิบัติงานของทหารในการช่วยเหลือประชาชน ทำให้เห็นภาพการทำงานใกล้ชิดระหว่างฝ่ายการเมืองกับกองทัพ ซึ่งนายกฯ หญิงก็ยืนยันกับชาวแม่สายว่า “ทหารจะยังไม่ออกจากพื้นที่ จนกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย” สร้างขวัญและกำลังใจให้ทั้งประชาชน และกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ได้แบบเต็ม ๆ นี่เป็นความแตกต่างระหว่างผู้นำประเทศที่มาจากนักเลือกตั้ง กับผู้นำที่มาจากปลายกระบอกปืน

ไม่ต้องห่วงเรื่องหัวโขน ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ใกล้ชิดกับประชาชนยิ่งเป็นคนที่เดือดร้อน สะท้อนปัญหาที่เผชิญให้ได้รับรู้ คนที่เป็นผู้นำย่อมสามารถนำมาประกอบการตัดสินใจ แก้ปัญหาให้ตรงจุดได้ เหมือนข้อเท็จจริงที่นายกฯ หญิงได้พบจากการลงพื้นที่แม่สาย ประชาชนถูกน้ำและโคลนทับถมจนบ้านบางหลังเหลือแต่โครงสร้าง และยังมีบ้านเรือนอีก 64 หลังที่เสียหายทั้งหลัง ถือว่าเสียหายอย่างหนักมาก หากดูตามกฎหมายแล้วก็จะได้รับค่าชดเชยมากพอสมควร ฉะนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องรับไปดูแล

อย่างที่บอกว่ามาตรการเยียวยาตามกฎหมายเบื้องต้น ย่อมไม่สมเหตุสมผลกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทองธารได้สั่งการไว้ตั้งแต่เกิดเหตุ และเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อที่จะให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือที่ใกล้เคียงกับความเสียหายจริงที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน สถานการณ์ที่อำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงราย กว่าจะเคลียร์ทุกอย่างให้เข้าสู่ภาวะปกติได้ น่าจะกินเวลาไปถึงเดือนพฤศจิกายนกันเลยทีเดียว

ฉายภาพลุยแก้ปัญหาน้ำท่วมกันแบบนี้ นั่นหมายความว่า ฝ่ายบริหารจะไม่เข้าไปข้องแวะกับปมปัญหาแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานจริยธรรมอีกแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสภา ผนวกเข้ากับการจ่ายเงินหมื่นบาทให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ ที่รอบแรกจะจ่ายวันนี้ (30 กันยายน) เป็นวันสุดท้าย สร้างความดีใจให้กับผู้ได้รับเงิน และย้อนกลับมาเพิ่มคะแนนนิยมให้กับซีกรัฐบาล จึงไม่จำเป็นที่จะต้องลุยไฟ ส่วนเสียงวิจารณ์ว่าด้วยการแจกเงินหนนี้ ต้องไปดูว่ามาจากผู้หวังดีที่ต้องการให้เกิดความรอบคอบและนำไปแก้ไข หรือจากฝ่ายขาประจำที่ไม่ว่าจะทำดีแบบไหนก็ไม่พ้นการจับผิด

ไม่ต่างอะไรจากการเล่นเกมนิติสงครามที่หว่านแหกันอุตลุด จน วันชัย สอนศิริ อดีต สว.ออกมาเตือนดัง ๆ ให้พวกนักร้องพึงระวัง ฝ่ายถูกเล่นงานจะไม่ปล่อยให้ฝ่ายกระทำลอยนวลทำสงครามอยู่แต่ฝ่ายเดียว ร้องมาก็ร้องไป ฟ้องมาก็ฟ้องไป ขุดมาก็ขุดไป ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังของคนที่ทำและคนที่อยู่เบื้องหลัง โคตรเหง้าศักราชจะถูกลากเข้ามาเกี่ยวดองด้วยหรือไม่ จะสุขสบายกันต่อไปหรือเปล่า ก็ต้องคอยดูกันต่อไป อยากสร้างสงครามก็จะเจอสงคราม เมื่อน้ำลด ตอก็จะผุด แล้วเราก็จะเห็นว่ามันคือหัวตอ

แทบไม่ต้องวิเคราะห์อะไรกันมาก หน้าฉากหลังฉากของกลุ่มเคลื่อนไหวก็รู้อยู่แล้วว่าไผเป็นไผ อยู่ที่ว่าใครจะถูกหมัดน็อกก่อนกันเท่านั้นเอง ส่วนประเด็นว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่มีคนไปร้องเอาผิด สส.เพื่อไทยที่เข้าชื่อกันเสนอญัตตินั้น วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลยัน ไม่จำเป็นต้องถอนร่างดังกล่าวตามที่มีคนขู่ เพราะยังไม่ได้มีการบรรจุเป็นระเบียบวาระ หากวิปรัฐบาลหารือกันแล้วมีมติว่าไม่บรรจุก็จบไป หรือต่อให้บรรจุเป็นวาระแล้วก็ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณาได้ สามารถเลื่อนออกไปได้เรื่อย ๆ

แสดงออกถึงการไม่หวั่นไหวต่อการถูกร้องของอีกฝ่าย ด้วยมั่นใจว่าความผิดยังไม่สำเร็จ ที่น่าห่วงมากกว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ สว.เล็งจะแก้ไขกฎหมายประชามติที่ผ่านความเห็นชอบมาจากสภาผู้แทนราษฎรแล้วมากกว่า เพราะจะเป็นการแก้ให้กลับไปใช้เสียงข้างมากสองชั้นเหมือนเดิม ตรงนี้ย่อมทำให้กระบวนการล่าช้าออกไป เนื่องจากการเกิดความเห็นแย้งระหว่างสภาล่างกับสภาสูงในร่างกฎหมาย จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมขึ้นมาพิจารณา

เท่ากับว่าการดำเนินการมาทั้งหมดใช้ไม่ได้ ต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ เมื่อเป็นเช่นนั้น ไม่ต้องถามว่าแล้วจะทันสมัยของรัฐบาลหรือสภาชุดนี้หรือไม่ กรณีนี้ก็จะเป็นการพิสูจน์สัมพันธ์ระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทยอีกครั้งว่าเหนียวแน่น และเป็นไปด้วยดีหรือไม่ ในเมื่อได้ชื่อว่า สว.สายสีน้ำเงินย่อมต้องขอร้องหรือให้ช่วยเหลือในเรื่องที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้านโยบายสำคัญที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว ถ้าเกิดการสะดุด หมายความว่า รัฐบาลพลิกขั้วยังถูกเครือข่ายอำนาจเก่าตามราวีไม่เลิก

ทั้งนี้ การที่เพื่อไทยยอมถอยแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยมาตรฐานจริยธรรม แล้วแพทองธารเดินหน้าเรียงลำดับความสำคัญของการทำงานในฐานะผู้นำรัฐบาล เสมือนเป็นการทำตามที่พรรคร่วมรัฐบาลอันดับสองอย่างภูมิใจไทยอยากจะให้เป็น ตัดประเด็นใหญ่ที่จะกลายเป็นชนวนกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลไปแล้ว เรื่องที่เหลือจึงไม่ใช่อะไรที่หนักหนาสาหัส ภารกิจหลักที่ได้รับบัญชาร่วมกันมา ถือว่าหนักอึ้งกว่าเยอะ โดยผลลัพธ์คือต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น

อรชุน