ฝรั่งดักขาย
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 3 วันติดต่อกัน เริ่มจากวันที่ 26 กันยายน จำนวน 773 ล้านบาท วันที่ 27 กันยายน จำนวน 1,429 ล้านบาท และวานนี้ (30 กันยายน) อีกจำนวน 962 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 3 วันติดต่อกัน
เริ่มจากวันที่ 26 กันยายน จำนวน 773 ล้านบาท
วันที่ 27 กันยายน จำนวน 1,429 ล้านบาท
และวานนี้ (30 กันยายน) อีกจำนวน 962 ล้านบาท
หรือรวม 3 วัน ต่างชาติขายสุทธิออกมา 3,164 ล้านบาท
แต่หากนับจากช่วงวันที่ 1-30 กันยายน ที่ผ่านมา ต่างชาติมีผลยอดการซื้อสุทธิ จำนวน 29,177 ล้านบาท
คำถามถือว่า ทำไมต่างชาติขายหุ้นออกมา 3 วันติดต่อกัน
คำตอบที่ใกล้เคียง และเข้าใจง่ายสุด คือ “ขายทำกำไร” นั้นแหละ
จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้เคยมีคำเตือนให้กับนักลงทุนออกมาบ้างแล้วว่า นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาเก็บหุ้นไทยในช่วงดัชนีตั้งแต่ 1,300 จุด นิด ๆ และทยอยซื้อมาเรื่อย ๆ จนดัชนีเพิ่มและผ่าน 1,400 จุด ขึ้นมาได้นั้น
น่าจะเห็นแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง
และแล้วก็เป็นจริง เมื่อต่างชาติมาดักขายทำกำไรในช่วงที่วายุภักษ์หนึ่งจะเริ่มลุยหุ้นไทยวันนี้วันแรกพอดี
ต้องมาจับตาดูว่า ต่างชาติจะขายต่อหรือไม่
หากขาย….. และหุ้นนั้น ๆ เป็นเป้าหมายการลงทุนของวายุภักษ์อยู่แล้ว
เราอาจเห็นการดีดกลับระหว่างวันของหุ้นนั้น ๆ แบบกราฟ เช่น ลงลิฟท์ และดีดกลับทันที
หุ้นที่ต่างชาติซื้อก่อนหน้านี้ กับเป้าของวายุภักษ์ ไม่ได้ต่างกันมากนัก คือ เน้นในกลุ่ม SET50 หรือกลุ่ม SET100 พื้นฐานดี สภาพคล่องสูง โอกาสทางธุรกิจดี
เพียงแต่ของวายุภักษ์จะเน้นเรื่อง Thai ESG เข้ามาประกอบการลงทุนด้วย
อย่างที่ทราบกัน วายุภักษ์มีเงินบนหน้าตักมากถึง 1.5 แสนล้านบาท
เทคนิคการเข้าซื้อหุ้น คงไม่ใช่แบบว่า เล็งตัวไหนไว้แล้วซื้อตัวนั้นทันที แบบไล่ราคาขึ้นไป ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมการลงทุนของกองทุนฯ
เพราะหากเป็นแบบนั้นถูกต่างชาติดักขายข้างบนแน่ ๆ
ดังนั้น น่าจะเป็นรูปแบบ “ทยอยลงทุน” ดักจังหวะในการซื้อและขาย
และอย่าลืมว่า นโยบายการลงทุนของกองทุนฯ คือ “ซื้อ ๆ ขาย ๆ” หรือเล่นสั้นได้
ยิ่งเงินบนหน้าตักกว่าแสนล้านบาทนี่นะ เขาเรียก “กระสุนเยอะ” คุมเกมง่าย ดังนั้น รายย่อย หากจะสู้กับวายุภักษ์แล้วไม่อยากแพ้ ควรซื้อหน่วยลงทุนฯ เอาไว้ด้วยจะดีมาก
ส่วนพวกหุ้นที่ปันผลสูง และหน่วยลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อว่า กองทุนฯ อาจจะยังไม่ลงทุนในทันที
ทว่า น่าจะรอดักจังหวะในการเก็บในช่วงที่ราคาปรับลงจากการถูกขายทำกำไร หรือหลังขึ้น XD หรือแล้วแต่จังหวะของราคาหน่วยฯ ที่กองทุนมองว่าเหมาะสม
เช่น DIF ที่ราคาขึ้นมาอยู่ประมาณ 9.50-9.60 บาท
ส่วนตัวไม่เชื่อว่า กองทุนฯ หากต้องการหน่วยลงทุน DIF จริง ๆ แล้วจะเข้าซื้อที่ราคาดังกล่าว แต่น่าจะอยากได้ราคาที่ต่ำกว่านี้ ซึ่งเขาก็คงมีวิธีการ
ส่วนต่างชาติเองนั้น ไม่น่าจะดักขายทำกำไรได้ตลอด
เชื่อว่าจะต้องมีการวกซื้อกลับ หรือเข้ามาซื้อเพิ่ม ไม่เช่นนั้น ตัวเองก็จะตกขบวนเช่นกัน
การขายของต่างชาติในรอบล่าสุดนี้
คงเป็นดักขายทำกำไรช่วงสั้น ตามปกติ
ธนะชัย ณ นคร