พาราสาวะถี

การที่ แพทองธาร เลือกที่จะลอยตัวเหนือปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นรายมาตราเกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรม หรือกรณี สว.สายสีน้ำเงินคว่ำร่างกฎหมายประชามติ


การที่ แพทองธาร ชินวัตร เลือกที่จะลอยตัวเหนือปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นรายมาตราเกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรม หรือกรณี สว.สายสีน้ำเงินคว่ำร่างกฎหมายประชามติให้หันกลับไปใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น ล้วนแต่เป็นการโยนของร้อนพ้นจากตัว หล่นไปอยู่ในมือของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งว่ากันด้วยประเด็นนี้ คู่กรณีไม่ใช่ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน หากแต่เป็นปัญหาความไม่ลงรอยกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลเอง

การยอมถอยแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยต่อปมแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคเพื่อไทย ย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องไปแตะคันเร่ง เดินเกมเร็ว จนทำให้เสียรังวัดต่อคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีหญิง และรัฐบาลที่ทำงานกันมาได้เดือนเดียว ซึ่งถือเป็นการถอยที่ไม่ได้เสียหายเพราะยังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่จะสามารถดำเนินการแก้ไขในส่วนที่ต้องการได้อยู่ ผ่านกระบวนการที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

พลันที่ สว.สายสีน้ำเงินตีกลับร่างกฎหมายประชามติที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว และสภาสูงก็เห็นชอบรับหลักการมาในวาระแรกแล้วเช่นกัน แต่ดันมาพลิกเกมในตอนสุดท้าย มันย่อมหนีไม่พ้นต่อความเคลือบแคลง ใครชี้นิ้วสั่งสมาชิกสภาสูง งานนี้ทุกสายตาจับจ้องไปยัง อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เพราะอยู่ในข่ายที่ว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับ สว.ส่วนใหญ่ ค่ายเซราะกราวจึงถูกลากเข้ามาเกี่ยวพันไปโดยปริยาย

ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร คงจะมีคนเชื่อได้ยาก เมื่อมีการขวางลำกันแบบนี้ เชื่อได้ว่าต่อให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันของสองสภา ก็ไม่มีทางที่จะหาทางลงเอยได้ สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้ระยะผ่านพ้นไป 180 วัน เพื่อที่สภาผู้แทนราษฎร จะประชุมลงมติยืนยันร่างกฎหมายประชามติฉบับเดิม เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา แต่คำนวณเวลาแล้วยังไงก็ไม่ทันการเลือกตั้งครั้งหน้า ระหว่างนี้จึงน่าจะเกิดเกมต่อรองเพื่อให้ไม่เสียหายกันทุกฝ่าย

ความเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องธรรมดา อยู่ที่ว่าน้ำหนักของเหตุผลฝ่ายไหนจะมีมากกว่ากัน ฟังความสองด้าน ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ บอกคาดว่านัดพรรคร่วมรัฐบาลถกเรื่องแก้รัฐธรรมนูญได้ภายในสัปดาห์หน้า แต่เสี่ยหนูท่องคาถายังไม่มีนัดหมาย และไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน ตีกรรเชียงมาแบบนี้ หมายความว่า ยังไม่พร้อมที่จะหารือ ซึ่งคงไม่ใช่แค่ภูมิใจไทย พรรคร่วมรัฐบาลที่มาจากซีกเผด็จการสืบทอดอำนาจเดิมทั้งรวมไทยสร้างชาติ กับประชาธิปัตย์ คงไม่อยากคุยด้วยเช่นกัน

เหตุผลไม่ใช่เพราะทุกพรรคที่กล่าวมาได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ ทว่าแต่ละพรรคกำลังสร้างผลงาน ความนิยมจากประชาชนเริ่มดีขึ้นมา จึงไม่อยากไปยุ่งกับของร้อนให้เปลืองตัว อาจต่างจากพรรคสีน้ำเงิน เนื่องจากกระแสจากผลโพลทั้งหลาย ในแง่ตัวบุคคลอย่างเสี่ยหนู และพรรคภูมิใจไทย เรียกได้ว่าอยู่ในอันดับที่ไม่น่าพอใจ ดังนั้น เมื่อตัวเองยังไม่อยู่ในระนาบที่จะมีความหวังเพื่อเป็นแกนหลักของฝ่ายกุมอำนาจได้ การยึดยื้อกฎ กติกาแบบเดิมไว้น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า

ประกอบกับเวลานี้อยู่ในช่วงจังหวะที่กำลังจัดทัพ จัดแถวกันในส่วนราชการ กระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ รวมไปถึงกองทัพ เป็นโอกาสในการที่พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะเพื่อไทยกับภูมิใจไทย จะได้ประเมินกลไกการใช้อำนาจ เพื่อสนองตอบต่อการดำเนินการทางการเมืองว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน ผลจากการดูแลสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา และกรณีเหตุรถบัสนักเรียนจากอุทัยธานีไฟไหม้ ทำให้เห็นการทำงานที่รวดเร็ว ฉับไว ได้ใจผู้ประสบเหตุและฝ่ายปฏิบัติเป็นอย่างดี คะแนนนี้เทไปให้นายกฯ หญิงเต็ม ๆ

ในทางตรงข้ามกรณีน้ำท่วมเชียงราย กลายเป็นว่าข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ประสบภัยทั้งผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ พากันสร้างวีรกรรมงามหน้า จนทำให้เสี่ยหนูควันออกหู เพราะนอกจากจะเสียหน้าจากการถูกตำหนิโดยผู้นำรัฐบาลและรัฐมนตรีร่วมคณะแล้ว ยังเสียหายต่อคะแนนเสียงของพรรคตัวเองด้วย การดึงเกมกฎหมายประชามติ สะเทือนไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการแตะเบรกความย่ามใจของพรรคแกนนำไปในตัว

ความจริงแล้ว การเดินเกมการเมืองระหว่างสองพรรคแกนนำรัฐบาลนั้น เหมือนประเภทไก่เห็นตีนงู เพียงแต่ว่าฝ่ายพรรคอันดับสองที่มีกุนซือเซราะกราวบัญชาการ อาจจะอ่านทางนายใหญ่ด้วยท่วงทำนอง และนิสัยใจคอทางการเมืองเหมือนในอดีต แต่กลายเป็นว่าการกลับมารอบนี้ ทุกอย่างไม่ได้เดินหน้าแบบมุทะลุดุดันเหมือนเดิม อะไรที่ไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็พร้อมถอย ไม่เน้นสร้างศัตรู หรือผลักมิตรไปเป็นศัตรูเหมือนในอดีต การยั่วยุ กระตุกหนวดเสือจึงไม่เป็นผล

งานการเมืองของพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของอุ๊งอิ๊ง จะเห็นได้ว่าเน้นการสร้างมิตร แสวงหาแนวร่วม แต่เรื่องที่จำเป็นต้องตอบโต้ทางการเมือง ก็จะเลือกใช้บริการของนักการเมืองที่ไม่มีบาดแผลเป็นผู้สื่อสาร ทำให้ลดแรงปะทะไปได้มาก เมื่อผู้นำและแกนนำไม่ได้ท้าทาย แต่เล่นบทเรียกคะแนนความสงสาร ย่อมสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่คนส่วนใหญ่อยากให้การสนับสนุน ฝ่ายที่กวนน้ำให้ขุ่นก็กลายเป็นพวกตัวถ่วง และถูกประณามไปเอง 

การเก็บตัวเงียบไม่ปรากฏตัวให้เป็นข่าวของนายใหญ่ เท่ากับเป็นการลดความร้อนแรงทางการเมืองไปในตัว พร้อม ๆ กับการให้สปอตไลต์สาดฉายไปยังลูกสาวคนเล็กที่แสดงบทบาทผู้นำประเทศในระยะเริ่มต้น ได้ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนเรื่องที่บรรดานักร้องแห่แหนกันไปยื่นเอาผิดตามองค์กรต่าง ๆ นั้น มาถึงตอนนี้มีข่าวว่า ผู้มีอำนาจที่แท้จริงได้มือกฎหมายที่สามารถแก้เกมได้เป็นที่น่าพอใจ จึงทำให้ลดความกังวลต่อโอกาสที่จะตกม้าตายได้ในระดับหนึ่ง รอแค่ประเมินผลในการตอบรับขององค์กรที่รับเรื่องว่าจะออกมาในรูปใด ถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่น่าหวั่นไหวแต่อย่างใด

อรชุน

Back to top button