สู่ดัชนี 1500 จุดหรือมากกว่า

“เซนติเมนต์” หรืออารมณ์ตลาด ยังไม่จางหายไปไหน จากมาตรการสกัดหุ่นยนต์ทำร้ายคนและควบคุมการทำ “ชอร์ตเซล” ช่วยเรียกศรัทธานักลงทุนให้กลับคืนสู่ตลาด

ตามด้วยมาตรการแจกเงินกลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคน มูลค่า 1.45 แสนล้านบาท และมาตรการเชิงรุกในการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเริ่มต้นกวาดซื้อหุ้นใหญ่ที่มีปันผลดีและสม่ำเสมอเข้าพอร์ตไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา

ความเซ็กซี่ของกองทุนวายุภักษ์ ก็คือ การคุ้มครองเงินต้น และคุ้มครองเงินปันผลในระดับ 3.0-9.0% และเมื่อพิจารณาถึงเม็ดเงินที่ใส่เข้าไปในตลาดถึง 1.5 แสนล้านบาท ก็เหมือนกับการเติมสภาพคล่อง (Liquidity) ก้อนโตให้ตลาด และเพิ่ม “ผู้เล่น” ซึ่งเป็นนักลงทุนระยะยาวให้ตลาดอีกด้วย

การแจกเงินกลุ่มเปราะบาง 1.45 แสนล้านบาท ถึงแม้จะไม่ได้มีผลการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจใด ๆ แต่ก็สร้างความกระชุ่มกระชวยให้ตลาดทันตาเห็น เศรษฐกิจชาวบ้านฟื้นตัวอย่างคึกคัก เพราะเป็นเงินแจกก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

การที่รัฐบาลแจกเงินประชาชน ว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องผิดแผกไปจากธรรมเนียมปฏิบัติสากลแต่ประการใด รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เพิ่งแจก “อั่งเปา” มูลค่า 7 แสนล้านบาทให้ประชาชนไปใช้จ่ายช่วงหยุดยาววันชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

สาธารณรัฐสิงคโปร์ ก็ใช้วิธีแจกเงินประชาชนตามฐานภาษี ซึ่งผู้เสียภาษีน้อย ได้รับเงินแจกมาก ผู้เสียภาษีมาก ได้รับเงินแจกน้อยลดหลั่นกันไป นี่คือการแจกแบบมีอารยะและเอื้ออาทรกันจริง ๆ เพราะยึดหลักผู้มีรายได้น้อยเป็นไพรออริตี้

ตลาดหุ้นคือเซนติเมนต์สู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเครื่องจักรใหญ่ในการระดมทุนของประเทศ!

การมีตลาดหุ้นที่มีอัตราการเจริญเติบโต ย่อมเป็นเครื่องชี้วัดระดับหนึ่งถึงอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน  ตลาดหุ้นที่ตกต่ำกอปรกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ย่ำแย่ ย่อมมีแต่ภาพหดหู่ ไม่มีบรรยากาศแห่งความหวังในการฟื้นฟูเศรษฐกิจเอาเสียเลย

ตลาดหุ้นที่คึกคัก จะช่วยให้เครื่องจักรระดมทุน ทำงานได้อย่างสะดวกง่ายดายขึ้น ทั้งการออกตราสารหนี้ ตราสารทุน และหน่วยลงทุนของกองทุนต่าง ๆ โดยเฉพาะกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

กองทุนวายุภักษ์เป็นกรณีหนึ่งของกองทุนขนาดใหญ่ที่สามารถจัดตั้งกองทุนได้อย่างรวดเร็ว ทั้งเอื้อประโยชน์แก่ประชาชนในการบริหารเงินออม และปลุกตลาดหุ้นโดยการเติมสภาพคล่องด้วยเงินลงทุนจำนวนมากในหลักทรัพย์หลักของตลาด

นโยบายรัฐบาลชุดนี้ ที่จะมีการลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเหลือ 20 บาทตลอดสาย ก็อาจกระทำได้โดยการระดมทุนเพื่อจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อซื้อกิจการจากเอกชนผู้รับสัมปทาน และจ้างเอกชนเดินรถ อันจะเป็นเรื่องวิน-วินด้วยกันทุกฝ่าย

รัฐบาลก็ควบคุมเงินเฟ้อได้ ประชาชนก็มีต้นทุนการเดินทางที่ถูกลง และเอกชนก็ได้รับผลตอบแทนเงินลงทุนเร็วขึ้น และก็ยังรับประโยชน์จากการเป็นผู้เดินรถ นัยว่าจะใช้เม็ดเงินจัดตั้งกองทุนเพื่อการนี้ในราว 3 แสนล้านบาทเท่านั้น

ดัชนีสิ้นปี 1,500 จุด หรือมากกว่า คือความหวัง

ชาญชัย สงวนวงศ์