ฝรั่งขายหมื่นล้าน (อีกแล้ว)

ถ้ามองภาพการลงทุนระยะสั้น ๆ จะเห็นว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเริ่มตื้อ ๆ ตัน ๆ อีกครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่มีต่อสงครามจะรุนแรงมากขึ้น


ถ้ามองภาพการลงทุนระยะสั้น ๆ จะเห็นว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเริ่มตื้อ ๆ ตัน ๆ อีกครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่มีต่อสงครามจะรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มเพลาการซื้อหุ้น และกลุ่มแรกที่แสดงตัวชัดเจน ก็คือต่างชาติ เพราะทันทีที่มีเรื่องยิงกันตูมตามขึ้นมาปุ๊บ คุณพี่สวมวิญญาณเสือเผ่นก่อนเป็นคนแรก เดี๊ยนถึงมองว่า ตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่งจ้า!

ที่น่าสนใจคือ ในรอบ 12 วันที่ผ่านมาดัชนียังคงป้วนเปี้ยนไปมาที่ระดับ 1,430-1,470 จุดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นการเตือนให้นักเล่นรู้ว่า หากไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่น นักลงทุนจะเน้นเล่นสั้น เพื่อดูสถานการณ์แบบวันต่อวัน “โมนิก้า” ถึงไม่ซีเรียสเมื่อเห็นดัชนีย่อตัวลงแรงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ เพราะสตอรี่ที่นักเล่นให้ความสำคัญเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินทุนไหลเข้าน่ะซี

ตรงนี้แหละที่ทำให้ “โมนิก้า” มีคำถามขึ้นมาในใจทันทีว่า ยอดขายของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค. ทะลุขึ้นไปถึงระดับหมื่นล้าน โดยดัชนีสามารถประคองตัวปิดไปที่ระดับ 1,452.20 จุด บวกไป 7.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.93 หมื่นล้านบาท เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแค่ “ช่วงสั้น” หรือ “ช่วงยาว” เพราะเมื่อเหลือบดูคอมเมนต์ของผู้รู้สำนักต่าง ๆ ก็เชื่อไปในทางเดียวกันว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสไปต่อ และสิ่งที่เห็น ณ เวลานี้เขาเรียกว่า พักตัวชั่วคราวนะออเจ้า

โดยตัวอย่างที่เห็นแจ่มแจ้งสุด ๆ ในเที่ยวนี้ก็คือ PTTEP ซึ่งพยายามยกฐานให้สูงขึ้นตลอดเวลา แต่เมื่อเหลือบดูภาพใหญ่ของราคาหุ้นจะเห็นว่า ไซด์เวย์ดาวน์ร่วมครึ่งปีเห็นจะได้ เดี๊ยนเลยสังหรณ์ใจการยืนปิดที่ระดับ 136 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.49 พันล้านบาท อาจเป็นการเตือนให้ระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม เพราะสถานการณ์ของหุ้นไม่น่าไว้ใจนะจะบอกให้

ประเด็นข้างต้นเชื่อมโยงกับสถานการณ์ของ PTT แบบแยกไม่ออกจริง ๆ เพราะราคาหุ้นเคลื่อนตัวไปมาที่ระดับ 32-36 บาทเป็นเวลา 1 ปี 2 เดือน พร้อมกับมีเสียงเม้าท์มอยในทำนองว่า เอ้าท์แล้ว? พร้อมกับอธิบายเหตุผลที่ราคาหุ้นจะกลับไปเฟื่องฟูเหมือนในอดีต คงเป็นเรื่องที่ยากพอ ๆ กับการเข็นครกขึ้นภูเขาแบบนี้ เดี๊ยนถึงอยากให้นักลงทุนประเมินกันเอาเองว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 34 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 544 ล้านบาท น่าเล่นไหม?

รายถัดมาที่ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงก็คือ BH เพราะเป็นหุ้นที่อีฉันสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหุ้นยกฐานใหม่ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง เดี๊ยนเลยเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 268 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 643 ล้านบาท เหมาะต่อการ follow buy อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเที่ยวก่อนเคยขึ้นไปถึงระดับ 284 บาท ผนวกกับโบรกเกอร์ให้เป้าสูงสุดที่ระดับ 310 บาทแบบนี้..,มันโดนใจอย่างแรงนะคุณพี่!

อีกรายที่เตะตาสุด ๆ ในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น ONEE เพราะเป็นหุ้นที่มีแต่คนเม้าท์ฉ่ำ ๆ ว่า ทั้งหนังทั้งละครทำเงินมหาศาลในไตรมาส 3 และการขึ้นปิดที่ระดับ 4.10 บาท บวกไป 0.38 บาท หรือขึ้นไป 10.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 179 ล้านบาท ก็คงไม่ใช่เรื่องเล่นอย่างแน่นอน และมีโอกาสที่จะไปต่ออีกหลายวันแบบนี้ เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นลองไปสำรวจข้อมูลด้วยตัวเองว่า กระแสแรงจริงไหม?

ในเมื่อเม้าท์ถึงเรื่องกระแสขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น INSET เพื่อชี้ให้เห็นอานิสงส์ที่มาจากเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์มันแรงจริง ๆ และประเด็นดังกล่าวก็เกี่ยวข้องกับกำไรของบริษัทเต็ม ๆ เดี๊ยนจึงไม่แปลกใจที่วานนี้หุ้นพุ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 2.98 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 7.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 128 ล้านบาท เพราะเขาเชื่อกันว่า นี่คือหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้งานน่ะซี

ส่วนรายที่เริ่มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้นน้องใหม่สด ๆ ซิง ๆ อย่าง PCE เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 2.40 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาท น่าจะเป็นสัญญาณการเข้าเล่นอย่างจริงจังรอบใหม่ แถมเมื่อดูโครงสร้างบริษัทจะเห็นว่า นี่คือเจ้าพ่อปาล์มครบวงจรที่โตปีละ 10% แบบสบาย ๆ เดี๊ยนเลยเชื่อว่า นี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่เน้นลงทุนระยะกลางถึงยาวนะจ๊ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button