พาราสาวะถี

นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม ก.ตร.นัดแรก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เคาะเก้าอี้ ผบ.ตร.ร่วมกับ ก.ตร.ทั้งหมดทันที


นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.นัดแรก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เคาะเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร.ร่วมกับ ก.ตร.ทั้งหมดทันที โดยมีมติเอกฉันท์เลือก “บิ๊กต่าย” พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 เป็น ผบ.ตร.คนที่ 15 เป็นอันว่า ไม่ต้องรักษาการยาวเหมือนที่มีการคาดหมายกันไว้ก่อนหน้า ส่วนที่ต้องยืดเยื้อด้านหนึ่งอาจเพื่อให้มีการพิสูจน์ผลงาน แต่อีกด้านคือรอให้กฎ ก.ตร.ใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา

ถือว่าทุกอย่างลงตัว ครบถ้วนแล้วในส่วนของผู้นำคนมีสีทั้งเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ น่าสนใจในการประชุม ก.ตร.นัดแรกที่อุ๊งอิ๊งได้บอกต่อที่ประชุม เหมือนเป็นการแนะนำตัวเองว่าผูกพันกับแวดวงสีกากีอย่างไร พร้อมสั่งการกับ ผบ.ตร.คนใหม่ไปในตัว นั่นก็คือ ตนเป็นลูกหลานตำรวจ​ คุณหญิง คุณแม่ก็ภูมิใจเสมอที่ได้เป็นลูกตำรวจ ได้มาวันนี้ อยากให้ตำรวจทุกคนสานต่อนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลายอย่างที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และตำรวจก็เป็นส่วนที่สำคัญมาก 

เรียกได้ว่า ทำการบ้านมาดี จึงสามารถที่จะขอความร่วมมือกันได้ทันที แต่มีประเด็นส่งท้ายที่ทำให้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มาตั้งแต่วันที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยที่นายกฯ หญิงคนที่สองบอกในที่ประชุม ก.ตร.ว่า “วันนี้ก็อยากจะให้ทุกท่านมีอะไรแนะนำได้เลย” ซึ่งในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการก็มีการพูดแบบนี้เพื่อให้ปลัดกระทรวงคนเก่าเสนอผลงาน พร้อมให้คนใหม่แนะนำตัว

แต่ฝ่ายจ้องเล่นงาน นำไปโจมตีว่าเป็นการใช้อำนาจกดทับข้าราชการระดับสูง เรื่องนี้อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เพิ่งเกษียณไปหมาด ๆ สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ถึงต้องกับออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับแพทองธาร โดยบอกว่า ขอความร่วมมือคลิปนี้เป็นการประชุมปลัดกระทรวงทุกกระทรวงครั้งแรกของนายกฯ ซึ่งการประชุมลักษณะนี้มีมาตั้งแต่สมัย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ แล้ว เมื่อเดือนกันยายน 2567 ธรรมเนียมของการประชุมครั้งแรกก็ต้องมีการแนะนำตัว อย่าไปบูลลี่นายกฯ เลย

เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะมีพวกจ้องจับผิด ความจริงอาจเรียกว่าเสี้ยมเพื่อให้เกิดการต่อต้านในหมู่ข้าราชการ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหวังผลอะไร กรณีนี้ก็ไม่ต่างจากที่มีการบูลลี่เรื่องที่อุ๊งอิ๊งไปเปิดไอแพดอ่านถ้อยแถลงในการร่วมประชุมเอซีดีครั้งที่ 3 ที่กาตาร์ เรียกได้ว่าเก็บทุกเม็ด เอาทุกดอก หวังจะดิสเครดิตกันเต็มที่ ทั้งที่ความจริงการอ่านสคริปต์บนเวทีประชุมที่สำคัญ ผู้นำประเทศไหนก็ทำกัน ครั้นจะไปเล่นงานปมภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเหมือนที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยโดนมาก่อนก็ยาก เนื่องจากลูกสาวคนเล็กของ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องดังกล่าว

เอาเข้าจริง ท่วงทำนองของการจับผิดในลักษณะไอโอแบบนี้ แทบไม่ต้องสืบก็รู้ว่าเป็นฝีมือพวกไหน ลูกไล่เผด็จการหรือพวกอนุรักษนิยมสุดโต่งที่ยังไม่ยอมละวางความเกลียดชัง มุ่งสร้างความขัดแย้งแตกแยก ยังคงทำทุกทางเพื่อที่จะจัดการกับรัฐบาลที่มาจากเครือข่ายของระบอบทักษิณที่พรรคพวกตัวเองอุปโลกน์ขึ้น เพื่อสร้างความชอบธรรมในการยึดอำนาจ และหลอกคนส่วนใหญ่ให้คล้อยตามอ้างว่าจะปฏิรูปประเทศ ซึ่งก็เห็นกันแล้วว่า พาบ้านเมืองถอยหลังเข้าคลองขนาดไหน

ยิ่งพวกม็อบเตรียมขับไล่รัฐบาลทั้งที่เพิ่งเริ่มทำงานได้แค่เดือนเศษ ยิ่งรู้เช่นเห็นชาติกันว่ามีเป้าหมายอย่างไร รับงานใครมา แต่ละคนมีเบื้องลึกเบื้องหลัง หนีไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งสิ้น หากินโดยอ้างหลักการ และยกประเทศชาติ ประชาธิปไตยมาบังหน้าจนเคยตัว ทั้งที่คนเหล่านั้นแม้แต่ชีวิตลูกน้องที่ทำงานให้กับองค์กรหรือธุรกิจของตัวเองยังไม่เหลียวแล พยายามหาทุกวิถีทางในการที่จะเลี่ยงข้อกฎหมาย เพื่อไม่ให้ต้องรับผิดชอบกับการบริหารงานผิดพลาด จนขาดทุน ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนและค่าชดเชยพนักงาน คนพวกนี้คำว่าทุเรศยังน้อยไป

พอเห็นรูปรอยของแกนนำที่เริ่มแสดงตัว ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับนายใหญ่ รวมทั้งพลพรรคแกนนำรัฐบาลแต่อย่างใด เพราะรู้ดีว่าแต่ละคนกำพืดเป็นอย่างไร สิ่งที่เป็นกังวลแต่ทำใจดีสู้เสือเป็นกรณีการถูกยื่นร้องเอาผิดสารพัดทั้งต่อตัวแพทองธาร พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ในฝ่ายกุมอำนาจ ยังเชื่อมั่นว่าด้วยพลังพิเศษที่ได้รับมาจนเกิดรัฐบาลพลิกขั้ว น่าจะทำให้รอดคมหอกคมดาบของพวกนักร้องไปได้

ถือว่าได้คาถาดีเป็นเกราะป้องกันตัว ถึงตอนนี้รัฐบาลพลิกขั้วมีหน้าที่ตั้งหน้าตั้งหน้าสร้างผลงานให้เป็นที่ปรากฏเพียงอย่างเดียวก็พอ เงินหมื่นบาทที่จ่ายให้กลุ่มเปราะบางและคนพิการ เห็นผลจากโพลล่าสุดที่เสียงส่วนใหญ่ยอมรับว่า ตัดสินใจเพิ่มคะแนนนิยมให้กับนายกฯ หญิงและรัฐบาลเพราะเรื่องนี้ ขณะที่การแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมจากเชียงราย จนถึงเชียงใหม่ล่าสุด ไม่ว่าใครจากพรรคไหน แต่ไปในนามตัวแทนรัฐบาลถือว่าได้ร่วมกันแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน เสียงชื่นชมที่ได้กลับคืนมาถือว่าเป็นของทุกพรรค

นิติสงครามที่นำมาเป็นอาวุธถล่มรัฐบาลเวลานี้ เรียกได้ว่า น่าจะเป็นการใช้ผิดกลุ่มเป้าหมาย เพราะกรณีนี้มีไว้เพื่อทำลายพวกสุดโต่งเท่านั้น เมื่อนักเลือกตั้งและพรรคการเมืองที่พลิกขั้วมาจับมือกันไม่ใช่พวกซ้ายสุดขั้ว เช่นเดียวกับพวกอนุรักษนิยมที่ไม่ใช่ขวาตกขอบ ย่อมอยู่ร่วมกันได้ในลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย เกื้อหนุน จุนเจือกัน งานเรียกแขก ประเภทหวาดเสียว จ่อจะทำให้เข้าทางพวกต่อต้านก็ละเว้น เช่นนี้แล้วย่อมไม่เป็นปัญหา รัฐนาวาของอุ๊งอิ๊งสามารถตีกรรเชียงอยู่กันไปได้แบบยาว ๆ โอกาสเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองน่าจะมีน้อยมาก

อรชุน

Back to top button