CFARM จากไก่เนื้อสู่โคนม.!
หลังประสบความสำเร็จกับการก้าวสู่ ตลท. ด้วยไอพีโอ 1.35 บาท โจทย์ใหญ่ของ CFARM นั่นคือการสร้างการเติบโตของรายได้และผลกำไร
หลังประสบความสำเร็จกับการก้าวสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2567 ด้วยไอพีโอ 1.35 บาท โจทย์ใหญ่ของบริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM นั่นคือการสร้างการเติบโตของรายได้และผลกำไร เพื่อนำไปสู่ผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างแข็งแรงและมั่นคง…
แต่..ที่ขาดไม่ได้คือ การกระจายความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสธุรกิจใหม่..!!
จึงเป็นที่มาของการรุกเข้าสู่ “ธุรกิจโคนม” ด้วยการทุ่มงบ 419.58 ล้านบาท ลงทุนในอุตสาหกรรมโคนมขนาด 1,250 ตัว พร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรการผลิตน้ำนมดิบเฉลี่ย 17 ล้านลิตรต่อปี บนที่ดินของบริษัทที่ตำบลโคกสูง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ ขนาดพื้นที่ 357-2-29 ไร่
เอ๊ะ… CFARM จากหุ้นฝาก (เลี้ยง) ลูกเจี๊ยบ กำลังจะอัพสเกลไปเลี้ยงโคนมด้วยเหรอเนี่ย..!! ชักน่าสนใจ..??
ที่ว่าน่าสนใจ เพราะเป็นการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโต ดูได้จากการที่คนไทยหันมาดื่มนมมากขึ้น สะท้อนจากตัวเลขการบริโภคนมพาสเจอไรซ์ในไตรมาสแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นถึง 9.7% ขณะที่คาดว่าปริมาณน้ำนมดิบปี 2567 รวมทั้งหมดเป็น 1,079 พันตัน/ปี มูลค่า 22,660 ล้านบาท
ถัดมาเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ หลังจากมีบทเรียนจากกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ตอนนั้นต้องเลี้ยงไก่ลากยาวถึง 90 วัน เนื่องจากมีการปิดโรงเชือด ทำให้ต้นทุนพุ่งกระฉูด ส่งผลให้บริษัทประสบปัญหาขาดทุน
รวมทั้งเป็นอีกขาที่ช่วยสร้างรายได้ประจำ หรือ Recurring Income ให้กับบริษัท ซึ่งจะสร้างการเติบโตในระยะยาวต่อไป
ส่วนถ้าให้เดาใจ “ครอบครัวจึงธนสมบูรณ์” หรือบอร์ด CFARM ถึงสาเหตุที่เลือกธุรกิจโคนม คงเป็นเพราะอยู่ในไลน์ที่ตัวเองถนัด นั่นคืออุตสาหกรรมปศุสัตว์ ซึ่งมีองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนี้อยู่แล้ว
ที่สำคัญ ถ้าย้อนดูแบ็กกราวนด์ของผู้ก่อตั้ง CFARM อย่างครอบครัวจึงธนสมบูรณ์ เคยชิมลางทำธุรกิจเลี้ยงโคนมมาก่อนตั้งแต่ปี 2547 ก่อนจะยกเลิกไป…และเบนเข็มมาสู่ธุรกิจฟาร์มโคเนื้อแทนในปี 2561 ทำให้มีองค์ความรู้ ความสามารถ และบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ รวมถึงคอนเน็กชันในอุตสาหกรรมโคเป็นอย่างดี…
เท่ากับว่า การเข้าสู่ธุรกิจโคนมของ CFARM ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เพราะสามารถนำองค์ความรู้และประสบการณ์ของครอบครัวจึงธนสมบูรณ์มาต่อยอดได้…ก็จะทำให้การบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น
แล้วถ้าดูจากข้อความบางส่วนที่ CFARM แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยระบุว่า “บริษัทจะจำหน่ายน้ำนมดิบให้ลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของประเทศ เพื่อทำการแปรรูปและทำการจัดจำหน่ายให้กับผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับคู่ค้ารายสำคัญ”
งั้นถ้าตีความว่า CFARM มีลูกค้ารออยู่แล้ว…คงไม่ปล่อยให้คู่ค้ารายสำคัญที่ว่านี้หลุดมือไปหรอก…เชื่อหัวไอ้เรืองสิ..
อีกช็อตที่น่าจับตา แม้ CFARM ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER (ไม่ได้ถือหุ้นไขว้กัน…แค่มีผู้ก่อตั้งกลุ่มเดียวกัน) แต่อย่าลืมว่า NER มีธุรกิจแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ ทั้งสำหรับวัวและหมู รวมถึงสัตว์อื่น ๆ ก็อาจจะเชื่อมโยงกันได้…
ไม่แน่ CFARM อาจจะสั่งซื้อแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์จาก NER มาให้โคนมในฟาร์มก็ได้…ว่ากันว่าถ้าวัวนอนสบายขึ้นก็จะให้น้ำนมมากขึ้น เป็นผลดีทั้งกับ CFARM และ NER…
เท่าที่ดู CFARM ก็มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง.. น่าเสียดายที่ยังเป็นหุ้นต่ำจอง..!!
เอาเหอะ “ทองแท้..ย่อมไม่กลัวไฟ” เชื่อสิ..!!
…อิ อิ อิ…