ย่อเพื่อขึ้น?โมนิก้าและทีมงาน

*ขอเรียนตามตรงว่า การลงทุนในวันนี้ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายเหมือนกับที่ผ่านมา เพราะผู้เล่นแต่ละกลุ่มเข้าใจถึงนโยบาย “เล็กสั้น ขยันซอย” จึงยอมรับกับปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ทุกสถานการณ์ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉยๆ เมื่อเห็นดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,297.34 จุด ลบไป 3.64 จุด ด้วยมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท มันเป็นแพทเทิร์นที่เซียนเทคนิคเข้าใจกิมมิคเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ

*ยิ่งเห็นดัชนีกวัดแกว่งในลักษณะ “ขึ้นๆ ลงๆ” ที่บริเวณ 1,300 จุด ยิ่งเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า “ขึ้นขาย ลงซื้อ” น่าจะเป็นแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมสุดในจังหวะนี้ วันนี้ถึงเห็นฝรั่งตาน้ำข้าว จูงมือปอบผีฟ้า ขายหุ้นกันอย่างสนุกมือ ขณะที่กองทุนขี้ตืดก็ร่วมมือกับแมงเม่าปีกแข็ง ช้อนหุ้นเข้าพอร์ตกันอย่างเมามัน ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดหุ้นยังอยู่ในโพซิชั่นที่ดีไงล่ะค่ะ

*ประกอบกับสัญญาณจุดไข่ปลากำลังดันก้นแท่งเทียนแบบสุดลิ่มทิ่มประตู “โมนิก้า” ถึงมองไซเคิลของดัชนีวานนี้ยังเป็นแบบ “ย่อเพื่อขึ้น” และหากจุดไข่ปลายังเรียงตัวขึ้นแบบ 45 องศา ย่อมทำให้เชื่อว่า ดัชนีจะทะยานขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่า 1,310 จุด เผลอๆ อาจพุ่งขึ้นไปยืนเหนือ 1,320 จุดเสียด้วยซ้ำ! แต่ที่แน่ๆ คือ วันนี้ห้ามจุดไข่ปลาขึ้นไปอยู่บนหัวแท่งเทียนเป็นอันขาด เพราะมันฟ้องว่า หุ้นจะลงนะซี

*เหมือนกับในรายของ ADVANC กับ INTUCH อุตส่าห์กระชากขึ้นแรงตั้งแต่เปิดตลาด พร้อมกับทำท่าจะแรลลี่ยาว พอทำไปทำมากลับเกิดสัญญาณค้อนหัวกลับทั้งลูกทั้งแม่ “โมนิก้า” ถือเป็นภาพที่ทำให้โมเมนตัมของทั้งคู่ดูไม่สวยงามสักเท่าไหร่! วันนี้ถึงต้องลุ้นให้มีแรงซื้อเข้ามาเยอะนิดหนึ่ง เพื่อทำให้โมเมนตัมของหุ้นอยู่ในลักษณะตั้งฐานเพื่อหาจังหวะกระชากขึ้นต่อไปนะคะ

*ส่วนที่เสียทรงไปในทันที “โมนิก้า” ต้องพุ่งความสนใจไปที่ TRUE  เพราะหลังจากประกาศเพิ่มทุนอย่างเป็นทางการ บรรดาผู้ถือหุ้นต่างสาดหุ้นทิ้งกันอย่างจ้าละหวั่น จนหุ้นรูดลงมายืนอยู่ที่ 6.60 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 7% มันคือของแสลงที่ทำให้ทุกคนต้องหนีไปตั้งหลักกันก่อน เพราะไม่รู้ว่า เมื่อถึงเดดไลน์ในเดือนมีนาคม 59 มันจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าค่ะ

*ผลพวงดังกล่าวยังกระทบมาถึง JAS เพราะเป็นอีกหนึ่งรายที่เข้าข่ายต้องเพิ่มทุนเช่นกัน และเรื่องนี้ก็มีการร่ำลือกันมานานพอสมควร เมื่อเห็นเจ้าแรกมีการนำร่องไปก่อน จึงมีผู้รู้ออกมาฟันธงกันอย่างมากมายว่า เดินมาทรงเดียวกัน? วานนี้ถึงเห็นหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 3  บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 3.85% “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องผลกระทบทางจิตใจที่ทำให้คนมีหุ้นต้องคายของออกมาก่อน วันนี้ถึงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า เกมนี้จะเดินกันอย่างไร? หลังผู้คนกำลังเงี่ยหูฟังข่าวดีอย่างใจจดใจจ่อนะซี

*ส่วนในรายของ KTB ก็เป็นอีกหนึ่งรายที่เลือกเดินบนเกมเสี่ยง และผู้คนกำลังถามไถ่ถึงโอกาสในการเป็นแบงก์ใหญ่สุดในย่านเอเชียตะออกเฉียงใต้มีมากขนาดไหน? มันคือข้อมูลที่ทำให้นักลงทุนเข้ามารับหุ้นเพื่อเล่นเก็งกำไรตลอดวัน จนสุดท้ายหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 17.50 บาท บวกไป 0.10 บาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะของพวกเสือปืนไวที่เข้ามาด้วยความเชื่อที่ว่า ทุกอย่างจะดีขึ้น..จริงหรือไม่ “เฮียวรภัค” รู้ดีสุดเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ SAMART  มีข่าวจะทำโน่นทำนี่เพื่อสร้างรายได้และกำไร “โมนิก้า” ถือเป็นโมเมนตัมเดิมๆ ที่เห็นกันมาเป็นเวลานาน แต่ที่แย่หน่อยคือ วันนี้ยังต้องปากกัดตีนถีบกันต่อไป ส่งผลให้แรงซื้อที่เคยมีเข้ามาอย่างหนาแน่น กลายเป็นแรงซื้อที่มีเข้ามาแบบกระปริบกระปรอย หุ้นถึงปิดได้แค่ระดับ 18.90 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 500 ล้านบาท ถือเป็นจุดที่น่าวัดดวงดีเหลือเกินพะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ EVER ซึ่งทำให้นักเล่นบาดเจ็บล้มคว่ำมาแล้วหลายตลบ แต่สุดท้ายก็ยังมีคนเข้ามาเล่นกันอย่างคึกคัก จนหุ้นขึ้นมาปิดที่ 0.84 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 10.50% แถมเป็นการทะยานขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน 4 วันติดต่อกัน “โมนิก้า” ถือเป็นเกมเสี่ยงที่นักเล่นต้องพิจารณากันให้ดีๆ หากเที่ยวนี้ไม่ได้มาเล่นๆ หนังเรื่องยาวแน่ๆ ในทางกลับกันหากเป็นแค่การเคาะกะลาเรียกฝูง งานนี้มีคนเจ็บตัวหนักชนิดที่เข็ดไปอีกนาน..อิอิอิ

*สำหรับคนที่ชอบเล่นรอบ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ดู WICE เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการลงทุน เพราะในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา หุ้นวนเวียนไปมาอยู่ที่ระดับ 2.50-3.20 บาท ขณะที่วานนี้พุ่งพรวดพราดขึ้นมาปิดที่ 3.02 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่าที่หนาแน่น มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องเลือกแล้วว่า “ตามน้ำ” หรือ “รอก่อน”  เดี๊ยนบอกได้แค่นี้ล่ะค่ะ