พาราสาวะถี
เป็นสัญญาณเชิงบวกต่อกรณี กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 2.50% เป็น 2.25% ต่อปี
เป็นสัญญาณเชิงบวกต่อกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 2.50% เป็น 2.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที แต่ถือเป็นการสะท้อนสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน พยายามเรียกร้องมาโดยตลอดให้มีการลดดอกเบี้ย ทว่าไม่ได้รับการตอบสนอง ดังนั้น ผลของมติครั้งนี้ ไม่รู้ว่า แพทองธาร ชินวัตร และรัฐบาล จะรู้สึกดีหรือไม่
คงไม่ใช่ผลจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลกับทางธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างแน่นอน เป็นความจำเป็นที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อย่างน้อยไม่ว่าจะยึดถือตัวตน อ้างความเป็นอิสระอย่างไร เมื่อสถานการณ์ของบ้านเมืองโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน ตกอยู่ในภาวะย่ำแย่ขนาดนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเกิดการพูดคุย หารือ ร่วมกันหาทางออก ให้ฝ่ายบริหารบ้านเมืองได้มีตัวช่วยในการที่จะทำให้การทำงานแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนคล่องตัวขึ้น
ไม่ว่าจะนโยบายของรัฐบาล หรือการยึดหลักการ แนวทางปฏิบัติอันเคร่งครัดของแบงก์ชาติ ทั้งหมดย่อมต้องการความยืดหยุ่น ปรับรูปแบบ วิธีการตามเหตุการณ์ ความจำเป็นของปัญหาที่เผชิญ วันนี้ ข้อเท็จจริงก็เห็นกันอยู่ว่า เศรษฐกิจของประเทศมีปัญหา การเจริญเติบโตในแง่ของตัวเลขจีดีพีชี้ชัดว่าเป็นไปแบบไหน ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีภายใต้การบริหารของเผด็จการสืบทอดอำนาจ กระทั่งเปลี่ยนมือมาเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งได้ปีเศษ ยังมองไม่เห็นแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้น
สวนทางกับเพื่อนบ้านในย่านเดียวกันหลายประเทศ หากจะบอกว่าปัจจัยภายนอกคือตัวกดดัน หรือทำให้การฟื้นตัวเป็นไปด้วยความยากลำบาก ประเทศอื่นก็ย่อมไม่ต่างกัน แต่เมื่อประเทศต่าง ๆ ตัวเลขดีขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะดีต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศไทยยังเป็นไปในทิศทางที่ทรงตัวและมีแนวโน้มจะต่ำกว่าที่คาดอีกต่างหาก ย่อมสะท้อนให้เห็นว่าปัจจัยลบภายในมากกว่าที่เป็นตัวฉุดรั้งความเจริญอย่างมีนัยสำคัญ ความมั่นคงหรือเสถียรภาพทางการเมืองเป็นตัวหลัก ร่วมกับแรงสนับสนุนจากหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้อง
เพิ่งบอกไปเมื่อวันก่อนว่า ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่เป็นไปในลักษณะนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นที่ฝ่ายนโยบายการคลังและการเงิน ต้องหันหน้ามาคุยกัน เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด ในการเร่งฟื้นฟู และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น การถอนคันเร่งเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต แล้วหันมาแจกเงินหมื่นบาทให้กลุ่มเปราะบางและผู้พิการ น่าจะสร้างความพอใจให้กับฝ่ายที่ค้านหัวชนฝาได้ในระดับหนึ่ง ที่เหลือจึงเป็นการร่วมกันหาทางออกที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต
ส่วนปัจจัยหลักที่ว่าด้วยเสถียรภาพของรัฐบาล ปมที่ว่าด้วยเสียงในสภามองตามหน้าเสื่อทั้งพรรคร่วมที่จับมือกันอยู่ รวมไปถึงพรรคเล็กพรรคน้อยที่อยู่ภายใต้การดูแลไม่มีปัญหา จุดที่จะสร้างความสั่นคลอนเป็นเรื่องของความเข้าใจในประเด็นที่แต่ละพรรคต้องการจะแก้ไข กรณีรัฐธรรมนูญ และร่างกฎหมายประชามติ ถือว่าอยู่ในข่ายที่จะแลกเปลี่ยน และหาทางออกร่วมกันได้ แต่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ตามวาระจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (17ตุลาคม) น่าจะเป็นปัญหาใหญ่
เนื่องจากร่างที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มานั้น ไม่ได้ชี้ชัดว่าจะเอาอย่างไรต่อการนิรโทษกรรมให้กับจำเลยหรือผู้ต้องหาในคดีความผิดมาตรา 112 เมื่อเป็นเช่นนั้น หมายความว่า ต้องเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่จะต้องตัดสินใจให้ชัด ความเห็นที่จะเสนอไปยังรัฐบาลนั้นจะเป็นไปในลักษณะใด เพราะชัดเจนอยู่แล้วว่า พรรคร่วมรัฐบาลแทบจะทุกพรรคไม่เห็นด้วยที่จะให้ยกเว้นความผิดในคดีดังกล่าว รวมไปถึงความผิดที่เกี่ยวกับการทุจริตด้วย
จากการประชุม สส.ของเพื่อไทยวันอังคารที่ผ่านมายังเสียงแตก มีการมองเรื่องนี้เป็น 3 แนวทางคือ ให้รวมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในร่างกฎหมายนิรโทษกรรมไว้ด้วย ส่วนหนึ่งเห็นว่าไม่รวมความผิดในคดีดังกล่าว และแนวทางที่ 3 เหมือนวิธีการแบบศรีธนญชัยคือ รวมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แบบมีเงื่อนไข คือการให้มีคณะกรรมการขึ้นมา และให้มีการยกโทษให้ แต่หากทำผิดซ้ำอีกก็ให้ยกโทษเก่ากลับมาทั้งหมด โดยจะรวมโทษทั้งต้นและดอก
อาจจะถูกมองได้ว่าแทงกั๊ก และไม่น่าจะเป็นทางเลือกสำหรับแพทองธารในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาล ที่จะหยิบยกไปคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมซึ่งนัดกินข้าวเย็นกันวันที่ 21 ตุลาคมนี้ เมื่อพรรคร่วมต่างแสดงความชัดเจนแล้วว่า ไม่เอากับการนิรโทษกรรมในคดี 112 ดังนั้น จึงต้องตัดเรื่องนี้ออกไป และคาดหมายกันว่าการประชุมสภาในวันนี้ น่าจะมีการเลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ไปก่อนเช่นเดียวกัน นั่นย่อมหนีไม่พ้นที่จะถูกฝ่ายค้านหยิบยกไปโจมตี ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะดำเนินการเรื่องการนิรโทษกรรมอย่างจริงจัง
พอเข้าใจได้ที่รูปเกมต้องเป็นไปในลักษณะนี้ เรื่องร้อนที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแตะให้รัฐบาลเสียรังวัดก็พักวางกันไว้ก่อน การที่กระแสความนิยมในตัวนายกฯ หญิงเริ่มมี ความชมชอบต่อการทำงานของรัฐบาลกลับมาดีขึ้น ผ่านการทำงานที่ประชาชนได้สัมผัสโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม กุนซือใหญ่จึงจะอาศัยจังหวะนี้ ทำความเข้าใจกับบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องไหนที่จะต้องจับมือกันเพื่อผลักดันให้เห็นผล เป็นการเร่งสร้างเรตติ้งเพื่อลดความสนใจของประชาชนต่อฝ่ายค้านลง ที่ผ่านมาถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
การทำงานของแพทองธาร นอกเหนือจากการมีพ่อเป็นที่ปรึกษาชั้นยอด มีทีมกุนซือชั้นเยี่ยมแล้ว รูปแบบเฉพาะตัวที่ตรงไปตรงมา พร้อมเปิดใจรับฟัง กล้าที่จะแลกเปลี่ยนปมที่เป็นปัญหาสร้างความไม่สบายใจกับพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้บรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลต่างเกรงใจ และรู้สึกว่าได้รับการให้เกียรติจากคนที่เป็นผู้นำอย่างที่ควรจะเป็น ช่วยลดการกระทบกระทั่งระหว่างกันได้ ไม่ว่าจะเห็นต่างกันอย่างไรต้องสงวนไว้ แล้วแสวงหาจุดร่วมในการช่วยกันทำ เพื่อทำให้อยู่ด้วยกันได้นานที่สุด ไม่เฉพาะแค่ครบเทอมเท่านั้น
อรชุน