ฝรั่ง+วายุภักษ์ = 1,500 จุด
วานนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย (SET) 4,201 ล้านบาท ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ขายหุ้นไทยออกมา 14 วันติดต่อกันรวมกว่า 24,201 ล้านบาท
วานนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย (SET) 4,201 ล้านบาท
ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ขายหุ้นไทยออกมา 14 วันติดต่อกันรวมกว่า 24,201 ล้านบาท
มีคำถามว่า จะเกี่ยวกับกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมา 0.25% (เหลือ 2.25%) หรือเปล่า
คำตอบ คือ มีความเกี่ยวข้องนิดนึง (แล้วกัน)
เพราะการที่ดอกเบี้ยนโยบายปรับลง เสมือนเป็นการเร่งให้ต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นไทยเร็วขึ้น
ส่วนสาเหตุที่ขายหุ้นไทยมาก่อนหน้านี้ (14 วันต่อเนื่อง) มาจากเรื่องจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายออกไปยังประเทศจีน
บวกกับหุ้นไทยถูก Underweight (ลดน้ำหนักการลงทุน) ด้วย
จากการเข้าไปหาข้อมูลมาเกี่ยวกับนักลงทุนต่างประเทศพบว่า นอกจากจะลงทุนในหุ้นจีนมากขึ้น
ต่างชาติยังเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในกลุ่มอาเซียนบ้างแล้ว (แต่ยังขายของไทยอยู่)
แต่เมื่อ กนง.มีเซอร์ไพรส์ จึงทำให้ต่างชาติ พลิกกลับมาเร็วขึ้น (และเริ่มเห็นนโยบายการคลังกับการเงินไปในทิศทางเดียวกัน)
คำถามต่อไป? แล้วต่างชาติจะกลับมาซื้อต่อเนื่องไหม
คำตอบที่ได้รับคือ เริ่มเห็นสัญญาณที่ดี
ยิ่งนักลงทุนสถาบันที่นำโดยกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เข้าซื้อหุ้นต่อเนื่อง และเมื่อมารวมกับต่างชาติที่กลับมาซื้อหุ้นไทย น่าจะทำให้หุ้นมีทิศทางที่เป็นบวก
อย่างที่นักวิเคราะห์หลายโบรกฯ เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า หุ้นไทยมีดาวน์ไซด์ค่อนข้างจำกัด
ดังนั้น หากดัชนีย่อตัวลง จึงเป็นโอกาสในการเข้าเก็บหุ้นที่ปรับฐานลงมา
มีการให้ข้อมูลด้วยว่า การลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ สำหรับเม็ดเงินจำนวน 1.5 แสนล้านบาท
กองทุนฯ จะต้องใช้เงินลงทุนให้ครบก่อนสิ้นปี 2567 นี้
รูปแบบการลงทุนของกองทุนฯ น่าจะลงทุนแบบวางเป็น “ไม้” หรือค่อย ๆ เข้าซื้อหุ้น แบบ “ไม่ไล่ราคา”
เฉลี่ยต่อวันที่วางไว้น่าจะอยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท +/- เล็กน้อย
เมื่อย้อนกลับไปดูการลงทุนของนักลงทุนสถาบันที่เริ่มนับจากวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นวันแรกที่กองทุนวายุภักษ์ฯ เริ่มใช้เม็ดเงินใหม่ (วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท) เข้าลงทุน
ผ่านมาจนถึงวานนี้ (16 ต.ค.) ช่วยดันการซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันมาอยู่ที่ 31,770 ล้านบาท (รวม 11 วัน)
หากนำตัวเลข 31,770 ล้านบาทมาหารจำนวนวันที่กองทุนวายุภักษ์ฯ เข้าลงทุนมาแล้ว 12 วัน
จะตกเฉลี่ยวันละ 2,647 ล้านบาท
ซึ่งจะเท่ากับที่มีการคำนวณหรือประเมินกันไว้
นโยบายการลงทุนโดยเข้าหุ้นที่เป็นเป้าหมายนั้น อาจจะไม่ได้โฟกัสที่หุ้นตัวเดิมที่กองทุนฯ เข้าลงทุนอยู่แล้ว (เว้นแต่หุ้นที่ลงทุนอยู่แล้วราคาจะปรับลง จึงเข้าไปรับ)
ทว่า จะเล็งไปยังหุ้นตัวใหม่ที่กองทุนฯ ยังไม่ได้ลงทุนมากนัก
หรือยังไม่เคยเข้าลงทุน แต่หุ้นนั้น ๆ ต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่สามารถเข้าลงทุนได้
เมื่อดูแผนการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ฯ แล้ว
และย้อนกลับมาดูสัญญาณของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เราน่าจะเห็นดัชนีหุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,500 จุดได้ ก่อนสิ้นปีนี้
ส่วนกลุ่มหุ้นที่เป็นเป้าหมายหลัก ๆ ก็คือใน SET50 นั่นแหละ
หรืออาจจะขยายออกมาในกลุ่ม SET100 บ้าง
ส่วนกลุ่มนอก SET100 คงจะต้องเป็นหุ้นที่มี Fundamental ที่ดีจริง ๆ มีกระแสเงินสด หรือเงินสดในมือเยอะ และหุ้น (หรือหน่วยลงทุน) ที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลดี (สภาพคล่องสูง) เช่น 3BBIF และ DIF
ธนะชัย ณ นคร