หัวดำซื้อ..หัวทองขาย

ในช่วงที่ผ่านมา มีปฏิบัติการเก็บกวาดล้างบ้านบัญชีมาร์จิ้นขนานใหญ่ หลังจากเกิดปรากฏการณ์ล่มสลายของราคาหุ้นหลาย ๆ ตัว


เมื่อดูสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยแบบวันต่อวันต้องยอมรับว่า แรงซื้อเริ่มหดหายลงไปอีกครั้ง และถูกแทนที่ด้วยแรงขายที่ออกมาเป็นระลอก ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้พวกขี้เม้าท์ล้อเลียนกันสนุกสนานว่า “หัวดำซื้อ..หัวทองขาย” และเม้าท์มอยไปถึงขั้นที่ว่า เที่ยวนี้เป็นเกมของเจ้าสัว เพราะนโยบายหลายอย่างเอื้อให้กับกลุ่มทุนใหญ่ (กินรวบไม่กินแบ่ง) ส่งผลให้พวกที่เหลือได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ พะย่ะค่ะ

ด้วยเหตุนี้อย่าได้แปลกใจที่กองทุนยังดาหน้าซื้อหุ้นต่อเนื่อง ขณะที่ต่างชาติก็ใช้จังหวะดังกล่าวรินขายหุ้นมันมือ และเรื่องนี้ก็พิสูจน์ด้วยยอดซื้อสุทธิของรายแรกทะลุขึ้นไปถึง 2.91 หมื่นล้าน ส่วนรายหลังมียอดขายสุทธิอยู่ในระดับ 1.95 หมื่นล้าน (1-15 ต.ค.) ขณะที่วานนี้กลับลำซื้อหุ้น 4.20 พันล้าน “โมนิก้า” ถึงมองเกมหุ้นเที่ยวนี้เป็นการวัดหน้าตักของใหญ่มีมากกว่ากัน และในเบื้องต้นได้พิสูจน์ให้เห็นว่า รายแรกมีแต้มต่อเยอะพอสมควรนะจ๊ะ

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ยังเชื่อว่า ดัชนีประคองตัวเหนือแนวรับสำคัญ 1,450 จุดได้อย่างมั่นคง และกำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบแรงขายให้สะเด็ดน้ำในระดับหนึ่ง ต่อจากนั้นจะระเบิดฟอร์มด้วยการยกฐานใหม่เพื่อขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,500 จุดอย่างแน่นอน เดี๊ยนจึงอยากให้แฟนคลับประเมินจากห้วงเวลา 1 เดือนที่ดัชนีป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ และพยายามเทคตัวรอบใหม่ แต่ยังไม่สำเร็จเหมือนที่ประเมินไว้..น่ากังวลจริงอ๊ะป่าว!

ถึงกระนั้นก็มีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นแบบเซอร์ไพรส์ เมื่อ กนง. มีมติ 5:2 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ระดับ 2.25 จากเดิมอยู่ที่ระดับ 2.50 และผลดังกล่าวก็ทำให้ดัชนีพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1,485.01 จุด บวกไป 19.98 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.71 หมื่นล้านบาท พร้อมกับจุดประกายความหวังที่จะได้เห็นดัชนียกฐานใหม่สูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแบบนี้..เสี่ยงจริงเหรอเจ้าคะ

เหมือนกับในรายของ IVL ที่แกว่งตัวตุปัดตุเป๋ร่วมสามสัปดาห์ แต่วานนี้กระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 24.70 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 5.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.84 พันล้านบาท ท่ามกลางบรรยากาศตลาดหุ้นอยู่ในช่วงพักตัว “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ยากจะคาดเดาจริง ๆ เพราะข้อมูลที่รับรู้ก่อนหน้านี้ทำให้เชื่อว่า หุ้นไปยาว! แต่สุดท้ายก็ออกอาการเครื่องสะดุดกลางทาง ก่อนจะระเบิดฟอร์มใหญ่อีกครั้งแบบนี้..อธิบายไม่ถูกจริง ๆ นะออเจ้า

อาการดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงม้ามืด MBK ขึ้นมาทันที เพราะการพุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 19.70 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 11.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 911 ล้านบาท เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของอีฉันมาก ๆ เพราะถ้าจะเล่นในมุมของกำไรโตแรง ก็ควรจัดชุดใหญ่ตั้งแต่ไตรมาส 1 เพราะเป็นช่วงที่กำไรพีกเหลือเกิน หรือช่วงนี้มีอะไรที่พิเศษกว่าเมื่อก่อน ก็ช่วยบอกกันหน่อยนะคะ

ส่วนรายที่ผลงานดีเสมอต้นเสมอปลาย แต่ราคาหุ้นยังไม่ตอบรับมากนัก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น ITC เพื่อชี้ให้เห็นว่า ในช่วงที่กำไรออกมาดี ราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นมาเล่นแถว ๆ 25 บาท และครั้งไหนที่ผลงานไม่เป็นไปตามเป้า ราคาหุ้นก็ร่วงลงมาอยู่แถว ๆ 19 บาท เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นประเมินการขึ้นมาปิดที่ระดับ 25.25 บาท บวกไป 1.35 บาท หรือขึ้นไป 5.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 382 ล้านบาท มีโอกาสที่หุ้นจะไปต่อไหม?

เช่นเดียวกับในรายของ JMT ซึ่งเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงบ่อยในช่วงที่ผ่านมานั้น ก็มาจากประเด็นความสามารถในการทำกำไรที่ยังยอดเยี่ยม แม้ในบางจังหวะกำไรจะลดลงไปบ้าง แต่การลดลงก็เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ ณ เวลานั้น ๆ เมื่อมีข่าวดีเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยเข้ามาซัพพอร์ต หุ้นจึงพุ่งกระฉูดขึ้นมาปิดที่ระดับ 21.50 บาท บวกไป 2.40 บาท หรือขึ้นไป 12.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.03 พันล้านบาทแบบนี้..ตามน้ำอีกไหมล่ะคะ

ส่วนรายที่ไม่ค่อยมีฟีดแบคกันนักลงทุนอย่าง AWC ก็เป็นหุ้นอีกตัวที่เดาทางยากเหลือเกิน เพราะในช่วงที่หลายอย่างดีขึ้นเป็นลำดับ ราคาหุ้นดันออกอาการเฉื่อยชาแบบน่าตกใจ เดี๊ยนถึงอยากให้นักลงทุนมองกรอบการเคลื่อนไหวในช่วง 1 เดือนที่อยู่ในระดับ 3.60-3.90 บาท เทียบกับราคาปิดที่ระดับ 3.82 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 449 ล้านบาท เหมาะต่อการเล่นเก็งกำไรแค่ไหนเจ้าคะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button