กล้าขายก็กล้าซื้อ
ประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงมากสุดในวันนี้ก็คือ พฤติกรรมของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ที่มีต่อการขึ้นของดัชนีใกล้บริเวณ 1,500 จุด
ประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงมากสุดในวันนี้ก็คือ พฤติกรรมของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ที่มีต่อการขึ้นของดัชนีใกล้บริเวณ 1,500 จุด ซึ่งทำให้เดี๊ยนมองเห็นทะลุปรุโปร่งว่า ต่างชาติยังคงเดินหน้าขายทำกำไรเช่นเดิม ส่วนกองทุนยังใช้การทยอยเก็บ และไล่ซื้อเป็นบางจังหวะ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนเข้าสู่โหมดอึมครึมช่วงสั้น เพราะนักลงทุนที่เหลือยังสงวนท่าทีในการลงทุนน่ะซี
โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดจากเรื่องนี้ก็คือ ดัชนีแกว่งตัวทั้งแดนบวกและแดนลบถี่ขึ้น ขณะที่มูลค่าการซื้อขายก็ไม่หนาแน่นเหมือนเมื่อก่อน เดี๊ยนจึงมองการยืนปิดที่ระดับ 1,488.74 จุด ลบไป 1.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.16 หมื่นล้านบาท คือสัญญาณความไม่พร้อมที่จะฝ่าแนวต้านขึ้นไปสร้างฐานแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม แต่ในขณะเดียวกันจะเห็นว่า โอกาสที่ดัชนีจะทรุดลงฮวบฮาบก็ไม่ได้เปิดกว้างเจ้าค่ะ
เนื่องจากมีเส้นแนวรับ 10 วันที่บริเวณ 1,472 จุดคอยทำหน้าที่ประคองดัชนีเมื่ออ่อนตัวลงมา และเป็นที่มาของการจั่วหัวในลักษณะที่ว่า “กล้าขายก็กล้าซื้อ” เพราะเมื่อดูปัจจัยบวกใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเป็นแรงหนุนในอนาคต มันกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” มองการอ่อนตัวของดัชนีราว 20 จุดไม่ใช่เรื่องน่ากังวล (ประเมินจากจุดปิดเทียบกับจุดแนวรับ) เพราะบรรยากาศการลงทุนช่วงท้ายปีมักจะดีไงล่ะคะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหนึ่งในผู้นำด้านสินเชื่ออย่าง MTC ขึ้นมาทันที เพราะสิ่งที่ทุกคนรับรู้เป็นอย่างดีก็คือ ปลายปีจะเป็นช่วงที่คนมาขอสินเชื่อเยอะ เนื่องจากเป็นฤดูกาลของการจับจ่ายใช้สอย และมีเทศกาลที่จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก เดี๊ยนถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 52 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 314 ล้านบาท คือโอกาสของการทยอยรับของนะออเจ้า!
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มองเรื่องของเจ้าพ่อทวงหนี้เบอร์หนึ่งของประเทศอย่าง JMT น่าสนใจขึ้นเป็นกอง เพราะเมื่อดูจากประเด็นลดดอกเบี้ย พ่วงด้วยเข้าบริหารหนี้ก้อนใหญ่ รวมทั้งเงินในกระเป๋าลูกหนี้เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้เชื่อว่า ปีหน้าโตอีก เพราะของมันเคยเห็นกันมาแล้วว่า กำไรของบริษัทนี้โตแบบขั้นบันได จึงอยากให้นักเล่นประเมินการปิดที่ระดับ 20.90 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 581 ล้านบาท น่าสนใจไหมจ๊ะ
เช่นเดียวกับในรายของ MAGURO ที่อยู่ในช่วงของการขยายสาขา และแตกไลน์อาหารให้ครอบคลุมเซกเมนต์สำคัญ ก็เป็นอีกหนึ่งทีเด็ดที่ “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงบ่อย ๆ เพราะมองดูจากจำนวนลูกค้าที่เป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง น่าจะอนุมานในเบื้องต้นได้ว่า ผลงานน่าจะดีขึ้น และทำให้การยืนปิดที่ระดับ 18.10 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 5.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 93 ล้านบาท มีโอกาสไปต่อนะนายจ๋า!
เมื่อเมาท์ถึงเรื่องใช้เงินใช้ทองขึ้นมาทั้งที ก็ต้องเม้าถึงเรื่องความสวยงามเป็นประเด็นถัดมา เพราะในช่วงปลายปีมักมีโปรโมชันเด็ด ๆ มานำเสนอกันเป็นประจำ และถ้ามองจากหุ้นที่กำลังกอบโกยรายได้ต่อเนื่อง “โมนิก้า” ก็ต้องนึกถึง MASTER เป็นลำดับแรกเสมอ และมองการยืนปิดที่ระดับ 48 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141 ล้านบาท เหมาะต่อการไหลตามน้ำก็เท่านั้นเอง
ส่วนคนที่ชอบความระทึกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “โมนิก้า” ขอแนะนำให้มองไปที่หุ้น XPG เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1.01 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 5.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 92 ล้านบาท (พีอี 83 เท่า) มันคล้ายกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการ “ลากขึ้น ลากลง” แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ราคาหุ้นร่วงลงไปเองตามธรรมชาติแบบนี้ เดี๊ยนเดาทางไม่ออกจริง ๆ นะคะ
คล้ายกับสถานการณ์ของผีลืมหลุม ACC จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาวิ่งเหมือนคนปกติ ทั้งที่ผ่านมามีผลขาดทุนเรื้อรังคอยกัดกร่อนบริษัทตลอดเวลา “โมนิก้า” เลยไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมายืนปิดที่ 1.06 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 20.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 95 ล้านบาท เพราะสิ่งที่แมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดมีเพียงแค่คำว่า “ว.ไร้ร่องรอย” น่าจะรู้ดีสุดนะตัวเอง
โมนิก้า: และทีมงาน