พาราสาวะถี
วงดินเนอร์หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเย็นวานนี้ (21 ตุลาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นคนนัดหมายใช้โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ
วงดินเนอร์หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเย็นวานนี้ (21 ตุลาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นคนนัดหมายใช้โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ โรงแรมหรูระดับ 6 ดาว ของ พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกคนที่สองของ ทักษิณ ชินวัตร พี่สาวอุ๊งอิ๊งเป็นสถานที่พบปะหารือ แม้บรรดาแกนนำจะพร้อมใจพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีวาระพิเศษอะไรที่หยิบยกมาพูดคุย แต่แน่นอนว่า คงหนีไม่พ้นที่จะต้องถกกันให้ตกผลึกเรื่องร่าง พ.ร.บ.ประชามติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่างกฎหมายนิรโทษกรรม
เรื่องหลังสุดอาจจบลงที่เตะถ่วง ยื้อเวลาออกไปได้ แต่ปมร่างกฎหมายประชามติกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นธงนำของพรรคเพื่อไทย ขณะที่พรรคร่วมอันดับสองอย่างภูมิใจไทยก็แสดงตัวชัดเจนว่าไม่คล้อยตาม ด้วยการให้ สว.สายสีน้ำเงินแสดงพลังตีกลับร่าง พ.ร.บ.ประชามติให้กลับไปใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้นเหมือนเดิม อาจดูสุ่มเสี่ยงที่เมื่อหยิบมาเป็นประเด็นในวงสนทนาแล้วจะเกิดความตึงเครียด แต่อย่างน้อยก็ต้องเอาให้ชัดว่าจะเดินกันแบบไหน
ไม่ถึงขั้นนำไปสู่การแตกหัก เพราะพรรคแกนนำเองก็เข้าใจความจำเป็นของพรรคร่วมรัฐบาลไม่เฉพาะพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเมื่อจะไม่เร่งผลักดันกันให้จบในสมัยรัฐบาลนี้ ก็ต้องมีคำตอบให้กับคนที่ถือหางเพื่อไทย สุดท้ายหนีไม่พ้น ดันเต็มที่แล้ว แต่พรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วย โดยใช้กลไกของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นตัวตัดสิน หลังจากพิจารณาจากข้อกฎหมายหากตั้งคณะกรรมาธิการร่วมสองสภาแล้ว ฝ่ายสภาล่างยืนยันร่างเดิม ก็ต้องรอเวลาอีก 180 วัน นั่นหมายความว่า กระบวนการทั้งหมดจะไม่ทันการเลือกตั้งครั้งหน้า
อาจจะเสียหน้าบ้าง ทว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะการเลือกตั้งภายใต้กติกาเดิม ยังเปิดโอกาสให้เพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล สามารถที่จะต่อกรกับฝ่ายค้านหลักอย่างพรรคประชาชนได้เต็มที่ ซึ่งหากมีกติกาใหม่ ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเข้าทางใคร ถ้าการเลือกตั้งเป็นไปตามรูปแบบเก่า บริบทของการเมืองเมื่อคราวหย่อนบัตรปี 2566 กับปี 2570 จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งฝักฝ่ายทางการเมือง และสภาพปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ย้ำแล้วย้ำอีกว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ความเบื่อหน่าย และไม่เอารัฐประหาร รวมทั้งเครือข่ายของขบวนการเผด็จการสืบทอดอำนาจ ทำให้เสียงส่วนใหญ่ต้องการความเปลี่ยนแปลงจึงเทไปให้พรรคสีส้ม ล้มพรรคที่ตั้งเป้าแลนด์สไลด์อย่างเพื่อไทยได้ชนิดหักปากกาเซียน แต่บทเรียนอันเจ็บปวดนั้น ทำให้พรรคแกนนำรัฐบาลในเวลานี้ รู้แล้วว่าต้องจัดการแบบไหน ระยะเวลาที่เหลือจึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์
ประกอบกับสถานการณ์ของพรรคสีส้มรุ่นที่ 3 ยังหาความโดดเด่นเหมือนที่อนาคตใหม่ถ่ายทอดผ่านไปยังก้าวไกลไม่เจอ ทั้งตัวบุคคล และแนวทางในการขับเคลื่อนทางการเมือง ความสุดโต่งทางการเมืองที่ผ่านมา กลายเป็นภาพจำ และเชื่อได้เลยว่าจะถูกตอกย้ำในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยกติกาคือห้ามสาดโคลน ให้ร้ายป้ายสีพรรคคู่แข่ง แต่อย่าลืมว่า ความปราชัยของเพื่อไทยหนที่ผ่านมา หาใช่เรื่องไอโอของฝ่ายสืบทอดอำนาจไม่ จุดใหญ่อยู่ที่การใช้โหมประโคมข่าวด้านลบจากฝ่ายที่คิดว่าเป็นพวกเดียวกันเอง
จากความจำเป็นที่จะต้องจับมือกันให้แน่นโดยโจทย์ของการเกิดรัฐบาลพลิกขั้ว กระทั่งการเกิดภาพเข้าร่วมรัฐบาลครึ่งเสี้ยว หลังการพ้นเก้าอี้ของ เศรษฐา ทวีสิน เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า อำนาจฝ่ายบริหารนั้นจะต้องอยู่ในมือของฝ่ายไหน และใครเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะมีความเห็นต่างกันในเรื่องใดก็ตาม ถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ต้องรักษาถนอมน้ำใจกันให้ถึงที่สุด ประเภทหักด้ามพร้าด้วยเข่าจะไม่เกิดขึ้น
เวลานี้เกิดจุดร่วมที่ถูกร้องเรียนยุบพรรคเหมือนกันทั้งหมด จึงเป็นเรื่องที่วงดินเนอร์ต้องปรึกษาในการชี้แจงต่อ กกต.ทุกอย่างต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้ว่าประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคใหม่ที่ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการถูกร้องหนนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลอดระยะเวลาก่อนจะเข้าร่วมรัฐบาลนั้น ได้มีการต่อสาย พูดคุยกันมาโดยตลอด เสมือนเป็นการรับรู้ร่วมกัน โดยโจทย์ยากที่รับมา ไม่ว่าจะเคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอย่างไร ท้ายที่สุดก็ต้องช่วยกันเพื่อให้ผ่านคมหอกคมดาบหนนี้ไปให้ได้
แนวทางการต่อสู้ในประเด็นถูกครอบงำเป็นไปตามที่เคยบอกไว้ก่อนหน้า อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อธิบายว่า โดยธรรมชาติของพรรคการเมือง ไม่มีทางให้ใครเข้ามาครอบงำแน่ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนการตัดสินใจยกมือสนับสนุนแพทองธารเป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ก็เป็นไปตามมติของกรรมการบริหารพรรค เป็นไปตามครรลองคนที่จะเป็นนายกฯ ต้องเป็นตัวแทนของพรรคที่มีจำนวนที่นั่งสูงสุดในสภาฯ และเป็นแคนดิเดตที่พรรคนั้นเสนอชื่อไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง
หลังจากทราบว่าเศรษฐาต้องยุติบทบาทนายกฯ ได้มีการประชุมและหารือกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคแกนนำแจ้งมาประสงค์จะเสนอแพทองธาร พรรคร่วมรัฐบาลทุกคนยินดีสนับสนุน ดังนั้น การจะบอกว่ามีคนอื่นมาครอบงำ เป็นความคิดที่ไม่ประสงค์ดีกับรัฐบาล แต่เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายตรงข้ามจะพยายามหาเหตุต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน หากหัวหน้าพรรคร่วมคนอื่นพูดอาจไม่ค่อยมีน้ำหนัก แต่กับเสี่ยหนูต้องยอมรับว่าด้วยพลังสนับสนุนสายสีน้ำเงินย่อมมีพาวเวอร์มากพอ ประกอบกับพลังหนุนจากฝั่งของเพื่อไทยที่ไม่ธรรมดา งานนี้จึงทำให้พรรคร่วมสบายใจได้ระดับหนึ่ง
ปมของดิไอคอน กรุ๊ป กับเทวดาที่มาจากคลิปเสียงของบอสพอล ทำเอาหนาว ๆ ร้อน ๆ กันไปหลายวงการ ดูจากทิศทางข่าว และแนวทางของคดีโอกาสที่จะไปเกี่ยวพันกับคนของพรรคร่วมรัฐบาลแทบจะไม่มี จึงไม่เกิดภาพลูบหน้าปะจมูก ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีสามารถทำงานได้ด้วยความโล่งอก มิหนำซ้ำ สาวไปสาวมา ยังอาจจะทำให้จัดการกับพวกกรวดในรองเท้าได้อีกต่างหาก จึงอย่าได้แปลกใจที่จะได้เห็นแอ็กชันเอาจริงเอาจังทั้งทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่ล้างบางพวกเล่นแร่แปรธาตุสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเท่านั้น ยิ่งมีประเด็นใหญ่เกิดขึ้นบ่อยเท่าไหร่ ปมร้อนทางการเมืองก็จะถูกลืมไปด้วยมากเท่านั้น
อรชุน