‘วายุภักษ์’ พักซื้อ!
หุ้นไทยปิดลบ 3 วันติดต่อกันแล้ว ดัชนีได้ลงจาก 1,495 จุด ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านอยู่ที่ 1,470 จุด แต่ยังดีนะที่มีมูลค่าการซื้อขายออกมาไม่ได้ปรับลงมากนัก
หุ้นไทยปิดลบ 3 วันติดต่อกันแล้ว
ดัชนีได้ลงจาก 1,495 จุด ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านอยู่ที่ 1,470 จุด
แต่ยังดีนะที่มีมูลค่าการซื้อขายออกมาไม่ได้ปรับลงมากนัก หรือยังอยู่ในกรอบ 5-7 หมื่นล้านบาทต่อวัน
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี่สิ
นักลงทุนสถาบันพลิกกลับมา “ขายสุทธิ” วันแรกนับจากวันที่ 1 ตุลาคม 2567
หากพอจำกันได้
1 ตุลาฯ คือวันแรกที่กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เริ่มเข้าซื้อหุ้นไทย และซื้อมาต่อเนื่องจนถึงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
หากนับจากวันที่ 1-21 ตุลาคมนั้น
มีความเป็นไปได้ที่กองทุนวายุภักษ์ฯ น่าจะซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง
เมื่อเข้าไปดูข้อมูลการซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในช่วงกรอบวันดังกล่าว
สถาบันเข้าซื้อหุ้นไทยรวมกว่า 33,346 ล้านบาท
ก่อนจะพลิกกลับมาขายสุทธิเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 691 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ บรรดานักวิเคราะห์ ได้ส่งสัญญาณเตือนกับนักลงทุนแล้วว่า ให้ “ชะลอ” การเข้าลงทุน โดยเฉพาะช่วงดัชนีเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ 1,500 จุด
เพราะอาจจะมี “แรงขายทำกำไร” ออกมาได้
แรงขายทำกำไรน่าจะมาจากทั้งของ “นักลงทุนต่างประเทศ” ที่เข้าไปเก็บหุ้นมาก่อนหน้านี้ และรวมถึง “กองทุนแอลทีเอฟ (LTF)” ที่ครบกำหนด แล้วผู้ถือหน่วยลงทุนสั่งให้กองทุนขายออกมา (เมื่อมีกำไร)
ใครที่เข้ามาลุยหุ้นในช่วงดัชนีปริ่ม ๆ 1,500 จุด
โอกาสที่จะ “ดอย” จึงมีอยู่ค่อนข้างสูง
เหตุผลหนึ่งที่นักวิเคราะห์ให้พักหรือชะลอการลงทุน คือ เริ่มเห็นแรงซื้อจากกองทุนวายุภักษ์ฯ อ่อนแรงลง
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
มีการวิเคราะห์ในเชิงความเป็นไปได้อีกว่า วายุภักษ์ฯ อาจจะรอจังหวะให้หุ้นเป็นขาลง แล้วค่อย ๆ ไปเก็บ เพราะก่อนหน้านี้ผู้จัดผู้บริหารกองทุนที่นำโดย KTAM และ MFC ย้ำเสมอว่า “ไม่ไล่ราคา”
แม้จะมีการระบุว่า เม็ดเงิน 1.51 แสนล้านบาทนั้น จะต้องใช้ลงทุนให้หมดก่อนสิ้นปี 2567
วานนี้เข้าไปดูข้อมูลมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของวายุภักษ์ฯ ของเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม และเทียบกับวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา
วันที่ 21 ตุลาคมนั้น มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 150,774,590,163.93 บาท
ส่วนมูลค่าทรัพย์สินรวม อยู่ที่ 504,814,020,639.33 บาท
ตัวเลขนี้หากนำมาเทียบกับวันอังคารที่ 22 ตุลาคม จะพบว่า “ปรับลดลง” โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิลงมาเหลือ 150,270,491,803.28 ล้านบาท
และมูลค่าสินทรัพย์รวมเหลือ 496,404,267,378.34 บาท
ราคาขายต่อหน่วยลงจาก 10.05171 บาท มาเหลือ 10.0810 บาท
การลดลงตัวเลขสำคัญทางการเงินน่าจะมาจากหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์ฯ เข้าไปลงทุนตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมาได้ปรับลง
สถานการณ์ที่ตลาดเกิดการขายทำกำไร
บวกกับรอความชัดเจนทั้งปัจจัยภายใน และภายนอก (ต่างประเทศ เช่น เลือกตั้งสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญต่าง ๆ)
ภาวะแบบนี้ จึงไม่ควรฝืน
“ไม่ควรฝืนตลาดฯ” นี่คือคำกล่าวที่นักลงทุนรายใหญ่มักจะพูดเตือนกันอยู่เสมอ
กองทุนวายุภักษ์ฯ แม้จะมีเงินบนหน้าตักเยอะ
ก็คงใช้หลักการนี้เช่นกัน
ธนะชัย ณ นคร